เลือกตั้งและการเมือง
สภาล่ม ตามคาด! เพื่อไทย - พปชร.ตบเท้าไม่แสดงตน 'สูตรหาร 500' ส่อแท้ง
โดย nattachat_c
11 ส.ค. 2565
4 views
นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำจุดยืนของพรรคในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ว่า พรรคเพื่อไทยเคยประกาศเจตนารมณ์ไม่สนับสนุนการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หารด้วย 500 ตั้งแต่วันที่สภาเห็นชอบแล้ว เพราะมองว่าขัดเจตนารมณ์ ขัดกับรัฐธรรมนูญ และขัดหลักปฏิบัติ และพรรคมีเจตนาที่จะยับยั้งกฎหมายฉบับนี้
ส่วนที่มีการเปิดดีลลับระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ จะชูพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายแพทย์ชลน่าน ปฏิเสธว่าพรรคเพื่อไทยได้ไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ ชูพลเอกประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี และข้อมูลที่เผยแพร่นั้นเกินความเป็นจริงไปอีกหลายขั้น
แต่เข้าใจผู้ที่เผยแพร่ เพราะหวังผลทางการเมือง และปล่อยข่าวเรื่องดีลลับนี้ออกมา เพื่อดิสเครดิตพรรคเพื่อไทย เช่นเดียวกับการแก้รัฐธรรมนูญ ที่ทำไมถึงเกิดแก้ไขได้ นั่นเป็นเพราะมีการต่อรองให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ และเสนอให้แก้เพียง 2 มาตรา ในขณะที่หลายพรรค หนึ่งในนั้นมีพรรคพลังประชารัฐที่เสนอแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แต่กลับตีตก ซึ่งมองว่าเป็นการแก้ เพื่อต้องการอยู่ในอำนาจ
-------------
วานนี้ มีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ภายหลังองค์ประชุมสามารถเดินหน้าประชุมต่อไปได้ทำให้ ที่ประชุมได้พิจารณาต่อในมาตรา 24/1 ซึ่งกรรมาธิการเพิ่มขึ้นมาใหม่ เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อในสูตรหาร 500 กรณีประกาศผลเลือกตั้งได้เพียง 95%
มี ส.ส.อภิปราย ถกเถียงอย่างมากถึงความไม่สมเหตุสมผลของ ระบบสูตรหาร 500 ที่ทำให้ พรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.เขต มาก สัดส่วน ส.ส.บัญชีรายชื่อก็ต้องลดน้อยลง
จนกระทั่งมีการ ลงมติ โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสนอให้มีการแพนกล้องถ่ายทอดสดบันทึกการประชุม ระหว่างลงมติด้วย เพื่อป้องกัน การเสียบบัตรแทนกัน ทำให้ นายคารม พลพรกลาง ส.ส.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นประท้วงว่านายพิเชษฐ์ พูดพร่ำเพรื่อกล่าวหาเพื่อนสมาชิก จนมีการตอบโต้กันไปมา
ขณะที่ นายออน กาจกระโทก สมาชิกวุฒิสภา เสนอแนะให้ประธาน ตรวจสอบองค์ประชุมด้วยการขานชื่อแทนเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบว่าใครอยู่ร่วมประชุมบ้าง จากนั้นระบบเสียบบัตรตรวจสอบองค์ประชุม แจ้งว่ามีสมาชิกแสดงตน 366 คน เกินครึ่งมาเพียง 2 คน จากจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด 727 คน
โดย ส.ส.ส่วนใหญ่ที่หายไปเป็น....
- ส.ส.พรรคเพื่อไทย แสดงตนเพียง 8 คน จาก ส.ส. ทั้งหมด 132 คน
- ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ แสดงตน เพียง 7 คน จาก ส.ส. ทั้งหมด 97 คน
- สมาชิกวุฒิสภา 249 คน แสดงตน 154 คน ไม่แสดงตน 95 คน
โดย ส.ส. เพื่อไทยวอล์กเอาต์กันหมด
อย่างไรก็ตาม หลังผลการตรวจสอบองค์ประชุมปรากฏแล้ว แต่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ได้เสนอญัตติให้ตรวจสอบองค์ประชุมด้วยวิธีขานชื่อรายคนเพื่อป้องกันการเสียบบัตรแทนกัน มีผู้รับรองถูกต้อง ทำให้ ประธานต้องดำเนินการ ตรวจสอบองค์ประชุม ด้วยการขานรายชื่อ ซึ่งที่ประชุมใช้เวลาขานชื่อ เกือบ 2 ชั่วโมง มีผู้ขานชื่อแสดงตน เพิ่มเป็น 403 คน
จากนั้น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานในที่ประชุมได้เปิดให้ สมาชิกได้ลงมติ ร่างกฎหมายมาตรา 24/1 แต่ปรากฏว่า ใช้เวลา ลงมติอยู่นานถึง 25 นาที ซึ่งประธานอ้างว่า สมาชิกที่มาแสดงตน ได้ออกไปรับประทานอาหารจำเป็นต้องรอเวลา จนกระทั้งเวลา 16.15น. มีสมาชิก ร่วมลงมติ ไม่ถึงครึ่งขององค์ประชุม นายพรเพชร จึงสั่งปิดประชุมทันที
------------
ด้านนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า การที่ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นเหตุให้มีการเปลี่ยนวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ จากหาร 100 เป็นหาร 500 เหมือนอยากเห็นพรรคส่วนเกิน พรรคเล็ก พรรคน้อยเดินกันเป็นพรวน และขอชื่นชมคนเสนอญัตติเปลี่ยนเป็นวิธีหาร 500 ชื่อวีๆ มาศๆ ที่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อคนเดียว ได้คะแนนมา 35,000 คะแนน แต่กลับมามีบารมีในสภา ถ้าไม่มีเบื้องหลังการถ่ายทำ เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้นในรัฐสภา กล้าไปสาบานวัดพระแก้วหรือไม่ว่าไม่มีกลุ่มคนมาแทรกแซงหรือต่อรอง วันนี้เรากำลังโดนครอบงำ ขอให้ช่วยกันสกัด เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปตามครรลอง
ระหว่างนั้น นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ประท้วงที่ถูกพาดพิง โดยตอบโต้ว่า น่าสงสารพรรคที่แพ้หาร 500 เหมือนหมาถูกน้ำร้อนลวก ทำให้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ซึ่งทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมในขณะนั้น เตือนให้ถอนคำพูด จากนั้นนายครูมานิตย์และ นพ.ระวีได้พูดตอบโต้กันไปมา จนนายพรเพชรต้องไกล่เกลี่ยให้ยุติ เพื่อเดินหน้าประชุมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการอภิปรายมาตรา 24/1 เสร็จสิ้น นายพรเพชร ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้กดออดเรียกสมาชิกรัฐสภามาแสดงตน ใช้เวลาร่วม 15 นาที เพื่อรอสมาชิกเข้าห้องประชุม ผลการแสดงตน มีสมาชิกแสดงตน 367 เสียง เกินกึ่งหนึ่งไปหวุดหวิดเพียง 3 เสียง ถือว่ามีองค์ประชุมครบ แต่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรค พท. ขอใช้สิทธิคัดค้าน กลัวจะมีการเสียบบัตรแทนกัน ขอให้ใช้วิธีแสดงตนโดยการขานชื่อรายบุคคล มีผู้รับรองครบถ้วน
ขณะที่ นพ.ระวี คัดค้าน เพราะการโหวตแสดงตนด้วยการเสียบบัตรผ่านไปแล้ว เกรงจะเตะถ่วงมากเกินไป ขอเสนอญัตติไม่ให้ใช้วิธีขานชื่อแสดงตน แต่นายพรเพชรยืนยันให้มีการแสดงตน โดยการขานชื่อรายบุคคล จากนั้นจึงเริ่มการขานชื่อแสดงตนเป็นรายบุคคล ใช้เวลาไป 1.30 ชั่วโมง หลังจากที่สมาชิกรัฐสภาขานชื่อแสดงตนครบถ้วนแล้ว ปรากฏว่ามี ส.ส.และ ส.ว.หลายคนที่ขานชื่อไม่ทันในการเรียกชื่อเป็นรายบุคคล มาขอขานชื่อแสดงตนเพิ่มเติมภายหลังเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดความสับสน ต้องเติมชื่อเพิ่มกันวุ่นวาย รวมแล้วเสียเวลาไปร่วม 2 ชั่วโมง ในการขานชื่อและนับผลแสดงตน ผลการนับองค์ประชุมมีผู้แสดงตน 403 คน ถือว่าครบองค์ประชุม นายพรเพชรจึงให้ ส.ส.เสียบบัตรลงคะแนนว่าจะเห็นชอบกับมาตรา 24/1 หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า อย่างไรก็ตาม ในช่วงการเสียบบัตรลงคะแนนจะเห็นด้วยกับมาตรา 24/1 หรือไม่ ก็ต้องเสียเวลาไปอีกร่วม 20 นาที เพราะสมาชิกในห้องประชุมกลับมาเหลืออยู่น้อย โดยนายพรเพชรพยายามยื้อให้สมาชิกกลับมาเสียบบัตรลงคะแนนให้มากที่สุด จน นายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน ส.ส.เชียงราย พรรค พท. ทักท้วงว่า ขอให้นายพรเพชรรีบเปิดเผยผลการลงคะแนนมาตรา 24/1 ในที่สุดนายพรเพชรแจ้งผลการลงคะแนนต่อที่ประชุมว่า องค์ประชุมไม่ครบขอปิดประชุม ในเวลา 16.17 น. ทำให้การพิจารณาร่างกฎหมายลูกค้างอยู่ในที่ประชุม และมีแนวโน้มว่าจะพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายในกำหนด 180 วัน ในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันประชุมร่วมรัฐสภาเพิ่มเติมแต่อย่างใด
ด้าน พรรคเพื่อไทย (พท.) เมื่อถึงช่วงที่ต้องแสดงตนเป็นองค์ประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ได้ทยอยเดินออกจากห้องประชุม ตามคำประกาศที่จะไม่อยู่ร่วมเป็นองค์ประชุม โดยมีเพียง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นั่งอยู่เพียงคนเดียว รวมถึง นายการุณ โหสกุล และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. ที่ประกาศแสดงตนเป็นองค์ประชุมในครั้งนี้
--------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/mMXK9vmW9TA