“ชัชชาติ” เข้าแจงงบปี 66 ของกทม. เผยไม่กังวล ยึดหลัก “ทำน้อยให้ได้เยอะ”

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ถูกกรรมาธิการซักถามงบประมาณในหลายส่วน เนื่องจากกังวลเรื่องปริมาณงบประมาณของกทม.ที่มีอยู่อย่างจำกัด แต่ต้องบริหารจัดการดูแลทางประชากรของกรุงเทพมหานครและประชากรแฝงในกรุงเทพมหานคร ทั้งยังมองว่าแผนงบประมาณดังกล่าว เป็นแผนที่ผู้ว่าราชการคนที่แล้วเป็นคนร่างเอาไว้ กว่าที่นายชัชชาติจะได้จัดสรรงบประมาณเพื่อตอบสนองตามนโยบายทั้ง 214 ข้อนั้น อาจจะต้องกินเวลาไปถึงปีงบประมาณ 2567 และยังมีประเด็นเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่กรรมาธิการเรียกร้องให้เปิดสัญญาสัมปทาน รวมถึงกรณีการก่อสร้างสะพานเกียกกายข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย


ซึ่งผู้ว่าฯชัชชาติ ได้ชี้แจงว่าจริงๆ แล้วกทม. มีงบอีก 80,000 ล้านบาท ที่ได้จากภาษีต่างๆ รวมแล้วประมาณแสนล้านบาท ซึ่งไม่ได้เยอะเมื่อเทียบกับงบของรัฐบาล 3.1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 2.5 % ของเงินรัฐบาล และต้องดูแลประชากร 15%


สำหรับ กทม. มีความอึดอัดตรงที่ว่าหลายส่วน มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้องเช่น สาธารณสุข ไม่มีสาธารณสุขจังหวัด เมื่อเกิดโควิด ไม่มี Single Command มีเตียงแค่ 10 % ที่เหลือเป็นของเอกชน หน่วยงานอื่น ขณะที่จราจร มี 37 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พอรถติดก็หาเจ้าภาพยาก เป็นความอึดอัดอันหนึ่งที่คิดว่ามีปัญหาอยู่


ส่วนเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ระบุว่า ตนไม่ได้เป็นคนทำสัญญา ซึ่งส่วนต่อขยายที่ 1 กับ ส่วนต่อขยายที่ 2 มีการจ้างเดินรถถึงปี 85 เป็นเรื่องที่อยู่ใน ป.ป.ช. ก็ได้ทำหนังสือเร่งรัดไปแล้วว่า ผลการสอบสวนเป็นเช่นใด มีความคืบหน้าอะไรหรือไม่ ส่วนสัญญา ปี 72 - 85 จะยกเลิกได้หรือไม่ ตอนนี้สัญญา ปี 72 - 85 ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ต้องดูว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไร เรื่องนี้ก็ส่งไป ป.ป.ช. ด้วย ไม่เช่นนั้น ปี 72 - 85 ต้องจ้างเดินรถ และจะมีค่าเสียหาย และจะประมูลใหม่ ปี 72 ก็กำลังหาลู่ทางว่ากระบวนการครบถ้วนหรือไม่ มีอันไหนที่ควรจะเข้าสภา กทม. แล้วไม่ได้เข้าหรือไม่ ให้ทางฝ่ายกฎหมายตรวจสอบอยู่


ส่วนสัญญา สัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ในสัญญาเขียนชัดเจนว่า ห้ามเปิดเผยต่อสาธารณชน ยกเว้นเป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เมื่อกรรมาธิการขอก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะเป็นกรรมาธิการ คงเปิดเผยให้ได้


ขณะที่เรื่องสะพานเกียกกายได้มีการประมูลและลงนามสัญญาจบไปแล้วในสมัยผู้ว่าฯอัศวิน จะรับดูแลดำเนินการต่อ


สำหรับเรื่องสายสื่อสาร กระทรวงดิจิทัลได้นัดคุยระหว่าง กทม. และกสทช. มีผลที่จะจัดระเบียบ 800 กิโลเมตร แรก 16 เขตภายในปีนี้ โดย กสทช.จะสนับสนุนเงินประมาณ 700 ล้านบาท ช่วงแรกเป็นการตัดสายตาย ส่วนการนำสายลงดิน จะมีการหารือเพื่อประโยชน์ของผู้บริโภค โดยรัฐมนตรีกระทรวงดีอีเอส มีแนวคิดจะให้ใช้ท่อของ NT ที่มีอยู่เดิมแล้ว ส่วนกรุงเทพธนาคม ก็มีโครงการจะนำสายลงดินแต่ล่าช้ามาก ซึ่งเรื่องการนำสายลงดิน ทั้งกทม. ใช้เวลาไม่น้อยกว่า 10 ปี


ทั้งนี้นายชัชชาติ กล่าว ขอบคุณกรรมาธิการที่ห่วงใยในหลายเรื่อง ส่วนที่กรรมาธิการกังวลว่าร่างงบประมาณนี้จัดทำในผู้ว่าฯคนก่อน นายชัชชาติบอกว่า ต้องยอมรับความจริงแต่หลายอย่างที่ทำไว้ก็ใช้ได้ไม่มีปัญหา ต้องทำไปตามกรอบไม่ได้กังวลอะไร ส่วนงบประมาณที่ได้จากรัฐบาล 20,000 ล้าน ไม่ได้น้อยไป เพราะยังมีงบของ กทม. ที่เพิ่งผ่านสภากทม.อีกประมาณ 80,000 ล้านบาท แม้จะไม่เยอะแต่ก็โอเค ต้องบริหารแบบทำน้อยให้ได้เยอะ