เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ เปิดงาน "สูงวัย ใจสมาร์ท" ชี้ วันที่เหนื่อย-ท้อแท้ ให้ธรรมะช่วยได้

โดย paranee_s

1 ก.ค. 2565

30 views

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธี kick off "สูงวัย ใจสมาร์ท" ภายใต้โครงการจัดการและส่งเสริมการจัดการศึกษาตลอดชีวิต เพื่อคงสมรรถนะทางกาย จิต และสมองของผู้สูงอายุ ของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หรือ กศน. โดยมีนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้การต้อนรับ


นายกรัฐมนตรี ขึ้นกล่าวบนเวที ได้กล่าวทักทายประชาชนโดยระบุว่า วันนี้ตนรู้สึกกระปรี้กระเปร่า วันนี้ทุกคนได้มารวมตัวกันอย่างไม่แบ่งแยกช่วงวัย เนื่องจากเป็นกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตคนตลอดช่วงชีวิต มีทั้งเด็ก วัยเยาว์ วัยรุ่น วัยทำงาน ซึ่งทั้งหมดขับเคลื่อนด้วยการพัฒนาคุณภาพชีวิตตลอดทุกช่วงวัย 3H ได้แก่ Heat, Heart และ Health


โดยนายกรัฐมนตรี ระบุในช่วงหนึ่งว่า ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยมาระยะหนึ่ง โดยทางรัฐบาลให้ความสนใจและเตรียมความพร้อมที่จะดูแลผู้สูงอายุให้มีความสุขต่อไปในอนาคต ซึ่งเตรียมความพร้อมในทุกมิติมาอย่างต่อเนื่องทั้งสวัสดิการ สุขภาพ หรือที่อยู่อาศัย เพื่อที่จะดูแลและวางรากฐานที่ดีให้กับผู้สูงวัย รวมทั้งให้ใช้ชีวิตได้อย่างเป็นสุขในสังคม


อีกทั้งบางครอบครัวอาจไม่มีเวลาอยู่ด้วยกัน จะเห็นได้ว่าน่าสงสารและน่าเห็นใจพ่อแม่ ที่มักจะมีเวลาให้ลูกเสมอ ไม่เคยผัดวันประกันพรุ่ง ดังนั้นวันนี้เราควรจะให้เวลากับท่านบ้าง ไม่ว่าจะโทรศัพท์ไปหา เยี่ยมเยือนในโอกาสสำคัญหรือเวลาใดก็ตาม เพราะพ่อแม่คือคนที่รักเราเสมอ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จะแยกแยะจากสังคมไทยไม่ได้ ใครก็ตามที่พยายามทำลายสิ่งเหล่านี้ ตนคิดว่าใจร้ายมาก เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่เราผูกพันกันไว้ตั้งแต่เกิดมาจนถึงทุกวันนี้


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องมีการเตรียมการเพื่ออนาคต ซึ่งไม่ใช่เพียงมิติเหล่านี้เท่านั้น แต่ต้องมองมิติเศรษฐกิจด้วยว่า วันข้างหน้าประเทศไทยจะอยู่จุดไหนของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจภูมิภาค เพื่อที่จะมีรายได้เพียงพอเพื่อดูแลคนทุกช่วงวัยให้ได้ ซึ่งวันนี้รัฐบาลพยายามดูแลอย่างเต็มที่ ทั้งเศรษฐกิจการลงทุน อุตสาหกรรมใหม่ เพื่อให้เกิดรายได้สูงขึ้น


หากคิดแต่ว่าจะใช้เงิน แต่ไม่หาเงินก็คงไปไม่ได้เหมือนกัน ตนเข้าใจทุกคนก็ต้องการการสนับสนุนจากรัฐมากมาย ซึ่งตนยินดีหากมีเงินที่เพียงพอ แต่วันนี้มีน้อยมากๆ ก็ต้องทยอยดำเนินการแต่ละเรื่องไป แต่ตนคิดว่าก็จะสามารถทำให้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา ขอให้ทุกคนรับทราบไว้ด้วย และขอให้เปลี่ยนมุมมองว่ารัฐบาลจากผู้สงเคราะห์ เป็นผู้พัฒนา


สิ่งสำคัญที่สุดคือพัฒนากิจกรรมสร้างสรรค์สังคม สร้างบ้านเมืองให้น่าอยู่ แต่ขณะเดียวกันต้องมีรายได้ไปด้วย อย่างไรก็ตามในแต่ละครอบครัวต้องแยกกันไปทำตามบทบาทหน้าที่ของตนเอง อาจจะก่อให้เกิดความเหงา ซึ่งทุกคนคงรู้จักว่าความเหงาคืออะไรและเป็นอย่างไร ซึ่งเราก็ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครทั้งสิ้น ไม่ว่าเด็ก พ่อแม่ หรือปู่ย่าตายาย ดังนั้นจึงขอให้เก็บความผูกพันเอาไว้ เพราะประเทศไทยคือครอบครัวใหญ่ของเรา


เพราะฉะนั้นเราต้องให้ความสำคัญกับการดูแลทุกคน เพราะหลายคนทำงานเพื่อประเทศชาติ ตรากตรำทำงานมาโดยตลอด สร้างบ้านสร้างเมืองมาให้เราในปัจจุบัน หากย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์ชาติ จะเห็นว่าบ้านเมืองของเรามีความเป็นมาหลายร้อยปี ซึ่งกว่าจะสงบเรียบร้อยได้ขนาดนี้ มีดินแดนได้ขนาดนี้ ต้องเสียสละชีวิตและต่างๆ ไปมากมายกว่าจะถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนจะต้องรักสามัคคี รักษาสิ่งเหล่านี้ไว้ให้ได้ด้วยความเป็นไทยของเรา เรามีสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นหลักในการพัฒนา ดำรงไว้ซึ่งประเทศชาติของเรา และเราจะลืมไม่ได้ นี่คือประวัติศาสตร์


นายกรัฐมนตรี เผยว่าวันนี้ตนรู้สึกดีใจที่เห็นรอยยิ้มของทุกคน เห็นไฟในแต่ละคน ซึ่งไฟเกิดจากจิตใจของตนเอง บางครั้งอาจรู้สึกเหนื่อยท้อแท้ ก็ต้องชาร์จไฟของตนขึ้นมาใหม่ด้วยการพิจารณา ด้วยการคิดอะไรหลายๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธรรมะก็ช่วยตนได้มากพอสมควร ตนฝากไว้ด้วยแล้วกัน จะทำให้ทุกอย่างมันสงบลง


เช่นกับพวกเราทุกคนสูงอายุมากขึ้น จะคิดมากขึ้น รู้สึกว่าไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครเอาใจใส่ ลูกหลานก็ไม่อยู่ ทั้งหมดต้องหาตรงกลางให้เจอ ในประเทศมีโอกาสเจอพ่อแม่ได้ทุกวัน ขณะที่ต่างประเทศเมื่อเติบโตขึ้นก็จะแยกย้ายกันไปตามเส้นทางของตนเอง ดังนั้นประเทศไทยเมื่อลูกหลานกลับบ้านแต่ละครั้ง พ่อแม่ก็จะให้ข้าวสารกลับมาอีก เพราะเป็นห่วง สิ่งเหล่านี้มีอยู่ที่เดียวคือประเทศไทย


อย่างไรก็ตาม การพลิกโฉมประเทศไทยให้ไปสู่อนาคตเป็นสิ่งที่จะต้องทำ โดยเฉพาะเพื่อผู้สูงวัย ดังนั้นการดูแลประเทศก็เหมือนกันว่าเหมือนกับการเลี้ยงลูก ดูแลลูก ดูแลครอบครัว อยากจะให้ครอบครัวมีความสุข รัฐบาลก็เช่นกัน แต่เราไม่บังอาจจะคิดว่าทุกคนเป็นลูกได้ แต่คนไทยทุกคนต้องได้รับการดูแลการเอาใจใส่อย่างทั่วถึง ด้วยวิธีการที่เหมาะสม ด้วยความร่วมมือบูรณาการร่วมกัน มันอาจจะช้า แต่เราร่วมมือกันมากๆ ก็จะเร็วขึ้นเอง วันนี้ตนดีใจที่ทุกคนยังจะมีไฟ แม้ร่างกายจะสูงวัยอย่างเช่นตน แต่จิตใจตนก็เป็นหนุ่มสาวอยู่เฉพาะเรื่องงาน เดี๋ยวจะเข้าใจผิดเรื่องอื่นไม่มี เพราะทุ่มเทชีวิตให้กับงาน


จากการอ่านบทวิเคราะห์ของนักวิชาการ พูดถึงปี 2585 ไม่มีใครอยู่หรอก มีใครอยู่มาบอกตนด้วยว่ายาอะไรดี เขามองว่าอีก 20 ปีข้างหน้าโลกจะไม่ใช่แบบนี้ โลกจะมีหลายอย่างเกิดขึ้น มีสิ่งใหม่มากมายที่สร้างผลกระทบหลายอย่างมี discruption หลายอย่างที่มีการแข่งขัน หลายอย่างที่ทำให้โลกเจริญขึ้นก็จริง แต่ความขัดแย้งจะสูงขึ้นมาก เพราะฉะนั้นการใช้ชีวิตด้วยการเตรียมคนเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 เป็นสิ่งสำคัญที่สุด


เราต้องเตรียมความพร้อมให้กับเด็กและเยาวชนของเราในทุกมิติ เพื่อเตรียมการไปสู่สังคมสูงวัยในอนาคตอันไกลโพ้น หากวันนี้ไม่มั่นคงไม่มีหลักคิดกระบวนการคิด หรือไม่มีอะไรสักอย่างเลย ตนคิดว่าสิ่งเหล่านี้อันตรายที่สุดไม่ต้องถึงปี 2585 แค่ปีนี้ ปีหน้าก็ไปไม่ไหวแล้ว เพราะหลายคนให้ความใส่ใจในเรื่องที่ยังไม่ใช่อนาคตของตัวเองในวันนี้ ทุกคนต้องเรียนหนังสือ เรียนให้จบ มีความรู้ มีความสามารถ ให้ได้รับการจ้างงาน มีเงินเดือนมีรายได้ที่เหมาะสม นั่นคือสิ่งที่ทุกคนจะต้องเข้าใจตรงนี้ รัฐบาลพยายามดูแลทุกอย่างให้เป็นไปตามกฎหมายเป็นไปตามประชาธิปไตยทุกอย่าง


วันนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้สูงอายุจะเป็นผู้ที่เป็นบุคลากรสำคัญในท้องถิ่น ในพื้นที่ที่จะทำให้สังคมเราสงบเรียบร้อย มีเสถียรภาพ และเกิดความมั่นคง นั่นเป็นสิ่งสำคัญ และสิ่งสำคัญคือการให้เกียรติซึ่งกันและกัน การเคารพซึ่งกันและกันตามฐานะที่มีอยู่ เด็กกับผู้ใหญ่ เยาวชน ผู้อาวุโส นี่คือสังคมไทย หลายคนพ่อแม่ดุ แต่ดุแล้วทำให้ดีขึ้นหรือไม่ เป็นคนดีมีระเบียบวินัยจนถึงทุกวันนี้ เจริญเติบโตมีอาชีพมีรายได้ พ่อ แม่ ผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด วันนี้โลกเปลี่ยนไปแล้ว การสื่อสารก็พัฒนาไปเยอะ เราต้องยอมรับตรงนี้ และทำอย่างไรให้กระทรวงศึกษาสร้างบรรทัดฐานให้คนมีความพร้อมในการเผชิญหน้าในอนาคตอย่างยั่งยืน


หลังเปิดงานเสร็จ นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมกิจกรรมผู้สูงอายุ เช่น เต้นลีลาศ และ ร่วมเล่นอังกะลุงกับชมรมผู้สูงอายุ ด้วย โดยนายกรัฐมนตรี เขย่าอังกะลุงคีเสียงโด พร้อมท่องโน้ต โด เร โดเร โด โด ซึ่งผู้สูงอายุบอกนายกฯ ว่าการฝึกอังกะลุงอ่ะเป็นการฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ทำให้นายกรัฐมนตรี หันไปเขย่าแขนผู้สูงอายุ ว่าแข็งแรงจริงหรือไม่

คุณอาจสนใจ

Related News