เลือกตั้งและการเมือง

'ชัชชาติ' ลงเรือไปทำงาน ลั่น เป็นอิสระ! หลังโดนแฟนคลับขอร้อง "อย่าเป็นนอมินีเพื่อไทย"

โดย nattachat_c

29 มิ.ย. 2565

5 views

วานนี้ (28 มิ.ย. 65) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ลงเรือไปทำงาน พร้อมสำรวจเส้นทาง และเรื่องอื่นๆ 


โดยช่วงหนึ่ง มีคนเดินมาบอกว่า "อย่าเป็นนอมินี พรรคเพื่อไทย นะ" ซึ่งนายชัชชาติ ตอบว่า บอกว่าอิสระ ก็อิสระ

-----------

เมื่อเวลา 16.15 น เยี่ยมชม สถานีขนถ่ายขยะมูลฝอยสายไหม เขตสายไหม เพื่อติดตามระบบกำจัดขยะของ กทม. และปัญหาที่ชาวบ้านร้องเรียนเรื่องกลิ่นขยะและเสียงดัง และดูการทำงานเครื่องคอมแพคเตอร์ หรือเครื่องบีบอัดขยะ หลังทราบว่ามีการซื้อเครื่อง แต่ไม่ได้นำมาใช้ 


บอกว่า ปัญหาคือ กทม.ลงทุนทำระบบเครื่องบีบอัดขยะ (Compact) มูลค่า 700 ล้านบาท เมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันยังใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากตู้ใส่มีน้ำหนักหลายตัน ทำให้ขยะขนไปมีน้อยลง ต้นทุนในการขนส่งเพิ่มมากขึ้น ต้องดูถึงอนาคตว่า จะใช้งานระบบนี้ต่อหรือไม่ เป็นไปตามหลักความคุ้มค่า และเนื่องจากสัญญาที่ทำไปแล้วมีผลผูกพัน 20 ปี หน้าที่เราคือต้องมองไปอนาคตว่าจะทำอย่างไรให้มีประสิทธิภาพที่สุด

---------

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับ ตัวแทนการประปานครหลวง / การไฟฟ้านครหลวง / และกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการแก้ปัญหาให้กับประชาชน โดยใช้แอปพลิเคชั่น Traffy Fondue ให้ทุกหน่วยงานทำงานแบบไร้รอยต่อ


โดยการประปานครหลวง รับปากว่าจะไปหาจุดติดตั้งน้ำดื่มสะอาดให้ประชาชน ไม่ให้กีดขวางทางเดิน มีความสะดวก สะอาด โดยเชื่อว่านโยบายนี้จะช่วยให้ประชาชนประหยัดเงินในการซื้อน้ำดื่มลงได้ และลดปริมาณขยะจากพลาสติก


ส่วนการไฟฟ้านครหลวง ได้พูดคุยกันถึงเหตุเพลิงไหม้ที่ตลาดสำเพ็ง นายชัชชาติระบุว่า ประชาชนไม่เชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยเกี่ยวกับหม้อแปลงไฟฟ้าที่อยู่ใกล้กับอาคารบ้านเรือน ซึ่งจากรายงานขณะนี้ในกรุงเทพมหานครชั้นใน มีหม้อแปลงไฟฟ้าที่จ่ายไฟทั้งหมด 400 ลูก


จากเดิมพบว่าการบำรุงรักษาการไฟฟ้านครหลวง จะดำเนินการทุก 1 ปี แต่จากนี้จะปรับปรูปแบบเพิ่มความถี่ในการบำรุงรักษาเป็น 6 เดือนต่อ 1 ครั้ง หรือปีละ 2 ครั้ง


ขณะเดียวกันจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ มีบทเรียนหลายอย่าง ทำให้กรุงเทพมหานครต้องไปดู การจัดระบบสายสื่อสาร ที่รกรุงรังและอยู่ติดกับหม้อแปลงไฟฟ้า เบื้องต้นจะเร่งประสานเจ้าของสายสื่อสารเข้ามาตัดสายตายที่ไม่ได้ใช้งานออกไป เพื่อความเป็นระเบียบและความปลอดภัย โดยจะนำร่องในพื้นที่ย่านเยาวราชก่อน ซึ่งถือเป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส หลังเกิดเพลิงไหม้


ส่วนการนำลงดินต้องใช้เวลา เพราะจะต้องใช้งบประมาณ พร้อมย้ำเรื่องการดูแลเยียวยาผู้เสียหายจากเหตุเพลิงไหม้สำเพ็ง ว่าแม้ผลการตรวจสอบสาเหตุจะมาจากหม้อแปลงไฟฟ้าหรือไม่ แต่หน่วยงานก็ต้องรับผิดชอบ พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ไปตรวจสอบทรัพย์สินของกรุงเทพมหานคร ที่ได้รับความเสียหาย หากพบว่ามีความเสียหายจุดใด การไฟฟ้านครหลวงก็ต้องรับผิดชอบ ไม่เพียงรับผิดชอบความเสียหายของประชาชนเท่านั้น


นอกจากนี้ ผู้ว่าฯกทม. ยังกล่าวว่า จะนัดพบกับ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในวันที่ 4 กรกฎาคมนี้ เพื่อหารือเรื่องจะนำสายสื่อสารลงดิน


แต่ส่วนตัว นายชัชชาติ บอกว่า อยากพบกับรัฐมนตรี DES ให้เร็วที่สุด ก่อนวันที่ 4 กรกฎาคม เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน ส่วนเรื่องที่ DES ระบุว่า งบประมาณในการนำสายสื่อสารลงดิน อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท นายชัชชาติมองว่า เป็นงบประมาณที่สูงเกินไป เพราะถ้าหาก กรุงเทพมหานครจะทำเองคงไม่ถึง ซึ่งเรื่องนี้ต้องมาศึกษารายละเอียดอีกครั้ง


เพราะก่อนหน้านี้ กรุงเทพธนาคม ได้ประเมินราคาไว้ในตัวเลขดังกล่าว โดยมอบหมายให้ อาจารย์ธงทอง จันทรางศุ ประธานบอร์ดกรุงเทพธนาคม ไปดำเนินการตรวจสอบรายละเอียด แต่ทั้งนี้หาก DES จะสนับสนุนงบประมาณในการนำสายสื่อสารลงดิน กทม.ก็ยินดี


ขณะที่นายเดชา วิริยะเจริญกิจ ผู้ช่วยผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง กล่าวถึง การตรวจสอบหม้อแปลงไฟฟ้า ที่ตลาดสำเพ็ง จะใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบสักระยะ จึงจะทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ยังยืนยันการชดเชยค่าเสียหาย เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนข้อกฎหมาย

-----------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/qv4dzplqsJE

คุณอาจสนใจ