เลือกตั้งและการเมือง

“ทนายเดชา” บุกสภายื่นหนังสือสอบจริยธรรม “เต้ พระราม7” ด้าน “เต้” เผย พร้อมแลกตำแหน่งช่วยคดีแตงโม

โดย paranee_s

2 มิ.ย. 2565

152 views

วันนี้ (2 มิ.ย.2565) เวลา 10.30 น. นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เข้ายื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ประธานคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ปปช.) สภาผู้แทนราษฎร เพื่อร้องไห้สอบจริยธรรมร้ายแรงกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศิวิไลย์ หลังมีพฤติกรรมข่มขู่ตนและเพื่อนทนาย ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง


โดยทนายเดชา ระบุว่าจากกรณีโทรศัพท์ข่มขู่ตนว่า หากไม่หยุดพูดถึงคดีการเสียชีวิตของแตงโมจะถูกกระทืบ รวมทั้งกรณีนายมงคลกิตติ์ ระบุว่า ไม่นิยมใช้วิธีการทางกฎหมาย เพราะไม่ถนัด ถนัดแต่วิธีนอกระบบ ทั้งที่นายมงคลกิตติ์เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซ้ำยังข่มขู่ หากตนไม่หยุดพูดเกี่ยวกับคดีจะส่งไป 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วไม่ได้กลับมา ซึ่งหมายถึงจะต้องตายอย่างเดียว ดังนั้นก่อนตายตนจึงเดินทางมาหาพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์


นอกจากนี้ยังมีการโพสต์เฟซบุ๊กจะให้คนไปแจ้งความ เช่น มหาสารคาม นราธิวาส ภูเก็ต ทั้งที่เหตุเกิดที่กรุงเทพ ซึ่งต้องการให้ตนลำบาก เป็นการใช้สิทธิ์ที่ไม่สุจริต กลั่นแกล้ง ทั้งนี้ ส.ส.มีหน้าที่ในการประชุมสภา แต่กลับไปงมหามีด เห็นท่อนไม้ก็บอกเป็นแตงโม แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งตำรวจสอบสวนเสร็จสิ้นไปแล้ว อยู่ในขั้นตอนอัยการสั่งฟ้อง และมีการตั้งพรรคพวกทนายความ อ้างว่ามี 30-40 คน รวมถึงอ้างอดีตผู้พิพากษาตรวจสอบการทำงานตำรวจ อัยการ


ทนายเดชา ยังบอกอีกว่า พฤติกรรมของนายมงคลกิตติ์ เป็นการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ซึ่งคนแบบนี้เรียกว่า ส.ส.มาเฟีย ใครกัดหูหน่อยก็จะกระทืบ เพราะฉะนั้นคนแบบนี้ไม่สมควรเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าตนจะทำทุกอย่างเพื่อให้พ้นสภาพจากความเป็น ส.ส. และคนที่จะจัดการนายมงคลกิตติ์ได้ มองว่ามีเพียงคนเดียว คือคนที่ชื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ซึ่งนายเดชาระบุว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นมือปราบ ส.ส. พร้อมกับขอให้ทุกคนปรบมือให้


เมื่อถามว่าการข่มขู่ของนายมงคลกิตติ์ มีทั้งหมดกี่ครั้ง ทนายเดชา กล่าวว่า ถูกนายมงคลกิตติ์ข่มขู่ ครั้งแรกโทรศัพท์ข่มขู่ ครั้งที่ 2 ข่มขู่ตนและทนายคนอื่นอีก 3 คน รวมทั้งผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หลังจากนั้นก็มีการข่มขู่ผ่านทางเฟซบุ๊กอีกมากมาย และมีการแกล้งแจ้งความในพื้นที่ห่างไกล แต่การมายื่นกับพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์นั้นตนมั่นใจในการจัดการดำเนินคดีของพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ จะทำให้ดาวรุ่งในสภาร่วง


ส่วนกรณีที่ทนายเดชาท้าให้นายมงคลกิตติ์ลงสัตยาบัน ให้กับคุณแม่ของน.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ (แตงโม) ในฐานะเป็นคนแนะนำ ให้ฟ้องร้องคนบนเรือว่าร่วมกันฆ่า หรือร่วมกันทำร้ายแตงโม แต่นายมงคลกิตติ์ ไม่ยอมทำนั้น ทนายเดชา กล่าวว่า การที่ไม่ลงชื่อก็แสดงว่ากลัว และเป็นเรื่องโกหกเพราะบอกว่าเป็นคดีฆาตกรรม การที่ไม่ร่วมลงสัตยาบันฯ เพราะต้องรับผิดถ้าเกิดมีการฟ้องเท็จ ซึ่งตอนนี้เป็นห่วงแม่คุณแตงโมมาก


เพราะแต่ละครั้งที่นายมงคลกิตติ์ แถลงข่าวร่วมกับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม แล้วบอกว่า เป็นนโยบายของทางพรรค ไทยศิวิไลย์ ซึ่งเป็นแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และอาจจะขัดกับรัฐธรรมนูญ ตนจึงมองว่าเมื่อคุณแม่แตงโมฟังเรื่องนี้แล้วควรหาที่จะหาที่ปรึกษาใหม่ดีกว่า


ด้านพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนน่าจะทราบว่าพฤติกรรมของนายมงคลกิตติ์ พูดจาข่มขู่ทนายเดชา ทั้งทำร้ายและเอาชีวิต รวมถึงฟ้องคดี เหมือนกับทนายเดชาไม่มีความรู้ วันนี้ถือว่านายเดชาบุกถ้ำ เดี๋ยวตนจะพาไปหานายมงคลกิตติ์ ซึ่งวันนี้ได้นำกรรมาธิการ 5 คนมาร่วมรับฟังปัญหาด้วย ดังนั้นตนจะช่วยให้ความเป็นธรรมกับทนายเดชาในเรื่องนี้ ทั้งในกรณีที่ของนายมงคลกิตติ์ผิดจริยธรรม และผิดประมวลกฎหมายอาญาด้วย ม. 309 ที่ระบุว่าผู้ใดข่มขู่ประทุษร้ายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน มีโทษจำคุก 3 ปี และม.209 ผู้ใดกระทำการเป็นอั้งยี่ซ่องโจร มีโทษจำคุก 7 ปี


แต่มาตราที่สำคัญคือ ม.157 ในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งในการสอบสวนของตนอาศัยม. 234 (1) ที่ระบุว่าคณะกรรมการป.ป.ช มีอำนาจหน้าที่ในการไต่สวนดำเนินคดีนักการเมือง ที่กระทำการขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมาย และ ประพฤติผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงดังนั้นพฤติกรรมต่างๆ ของนายมงคลกิตติ์ผิดกฎหมาย ผิดรัฐธรรมนูญและผิดจริยธรรม ดังนั้นจนจะรีบทำการสอบสวนและส่งไปยังป.ป.ช.เพื่อให้ส่งศาลฎีกาเพื่อดำเนินการความผิดทั้งอาญาและจริยธรรม


ตนในฐานะส.ส ด้วยต้องขอโทษทนายเดชา แต่ยืนยันว่าส.สไม่ได้เป็นเช่นนี้กันทุกคน ถ้าหากส.ส.มีการกระทำผิดกฎหมายตนก็ไม่ละเว้น


ขณะที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. พรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงกรณีนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ยื่นพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวชประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง เพื่อให้ดำเนินการถอดออกจากตำแหน่ง ส.ส. ว่า ตนพร้อมเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ใครเห็นว่าผิดก็สามารถยื่นร้องเรียนได้ แต่การที่ทนายเดชาจะกล่าวหาว่าตนเป็นอั้งยี่ซ่องโจร ขอปฏิเสธ เพราะไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น และยืนยันว่าที่ โทรไปคุยไม่ได้มีพฤติกรรมข่มขู่ เพียงแต่สร้างความเข้าใจและตักเตือนทนายเดชา เท่านั้น และขอให้ไปถามทนายเดชา ว่า ข่มขู่อะไรตนไว้บ้าง


ทั้งนี้ นายมงคลกิต กล่าวด้วยอารมณ์ พร้อมดึงบัตรประจำตัว ส.ส. ออกจากหน้าอก พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า หากไม่สามารถคุ้มครองแม่ของแตงโมได้ ก็ไม่มีหน้าจะเป็น ส.ส. และคนอย่างตนเอง หากคิดจะสู้ ไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว และไม่กลัวการตรวจสอบด้วย รวมถึงไม่กลัวการติดคุก ขณะเดียวกันตนทราบดี ว่า โทษสูงสุดของการขัดจริยธรรม ส.ส คือไม่ได้เป็นส.ส.อีก แต่ตนพร้อมแลก หากช่วยให้กระบวนการยุติธรรมดีขึ้น เพราะยังมีคนอื่นทำหน้าที่แทนตามอุดมการณ์ของพรรคไทยศิวิไลย์


พร้อมกล่าวย้ำว่า ความตั้งใจคือหากทำคดีนี้เสร็จสิ้นก็จะลาออกจาก ส.ส. อยู่แล้ว และหากตนเองผิดจริงไม่ต้องมาตัดสิน เพราะจะลาออกด้วยตนเอง แต่ยืนยันจำเป็นที่จะเป็น ส.ส.ต่อ ตอนนี้ เพื่อให้ความเดือดร้อนของประชาชนที่ตนดูแลอยู่ผ่านพ้นไปด้วยดี


พร้อมฝากไปยังทนายคน 4 คนว่า ให้ดูด้วยว่าตนกำลังทำอะไรอยู่และท่านทำอะไรอยู่ เพราะตนพยายามช่วยเหลือแม่แตงโมทุกทางที่ทำได้ แต่ทนายทั้ง 4 คน กลับพยายามระงับกระบวนการยุติธรรม และส่วนตัวไม่โกรธที่จะไปร้องเรียน สามารถทำได้ แต่เสียใจเพราะจะทำให้เสียเวลาในการต่อสู้คดี ขอร้องอย่างวางตะปูเรือใบ หากทำงานนี้เสร็จแล้วจะลาออกเอง พร้อมยกบทกลอนของ ศรีปราชญ์ฝากถึงทนายทั้ง4 คน ว่า “ธรณีนี่นี้เป็นพยาน เราก็ศิษย์มีอาจารย์หนึ่งบ้าง เราผิด 4-5 คนมาประหารเราชอบ เราบ่ผิดท่านมาล้างดาบนั้นคืนสนอง”


นอกจากนี้ นายมงคลกิตติ์ ยังพูดถึงกรณีทนายตุ๋ย ทนายความของแซน ที่นำคลิปเสียงบังแจ็คที่โทรฯมาหาทนายตุ๋ยมาเปิดในรายการโหนกระแส โดยพูดพาดพิงถึง นายอัจฉริยะ และ ตนเอง ว่าได้มอบหมายให้ทนายบุญถาวร ปัญญาสิทธิ์ ดำเนินคดีกับทนายตุ๋ยแล้วเพราะเป็นการหมิ่นประมาทชัดเจน แม้ในรายการโหนกระแส ทนายตุ๋ยจะอ้างว่าทำเพื่อช่วยให้ตนเองและ นายอัจฉริยะก็ตาม


ซึ่งหลังจากมีการเปิดคลิปเสียงออกมา ก็ยังไม่มีการพูดคุยกับบังแจ็ค แต่ฟังเสียงก็คล้ายกับบังแจ็ค และยังมั่นใจในตัวบังแจ็คอยู่ว่า ต้องการช่วยเหลือคดีแตงโมโดยไม่มีเรื่องเงินหรือผลประโยชน์แอบแฝง และบังแจ็คอาจจะเป็นไส้ศึกที่ตัวเองส่งไปสืบข่าวฝั่งนั้นก็ได้



คุณอาจสนใจ

Related News