เลือกตั้งและการเมือง

“จตุพร” มอง “อุ๊งอิ๊ง” มีสิทธิชวนเสื้อแดงกลับบ้าน พร้อมขอ “ประยุทธ์” เสียสละให้ประเทศ

โดย paranee_s

16 พ.ค. 2565

61 views

วันนี้ (16 พ.ค. 2565) นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และเครือข่ายภาคประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่มีความขัดแย้ง ว่า ต้องยอมรับว่านี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ประเทศเกิดความล้าหลัง มองว่าทรัพยากรมนุษย์ของในประเทศไทยไม่ได้ไร้ประสิทธิภาพ แต่คนในประเทศไม่เคยร่วมมือกัน ไม่ได้เอาเรื่องชาติบ้านเมืองมาเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นจึงไม่มีทางพ้นจากวงจรอันเลวร้ายนี้ได้


เมื่อถามถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่ประกาศชวนคนเสื้อแดงกลับบ้าน นายจตุพร กล่าวว่า ส่วนตัวตอนนี้ก็ยังเป็นคนเสื้อแดง และคงเป็นแล้วเป็นจนตาย ไม่มีการลาออก ยกเว้นว่าจะทรยศต่ออุดมการณ์ อีกทั้งคนเสื้อแดงเป็นมนุษย์ที่ได้รับความอยุติธรรม ถูกปราบปรามมากกว่าเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองต่าง ๆ และถูกมองเป็นคนผิด


รวมทั้ง ตนเข้าและออกจากคุกมาแล้วกว่า 5 ครั้ง มีคดียาวเป็นหางว่าว จนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แต่ก็ยังพูดมาตลอดว่าการต่อสู้ของคนเสื้อแดง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ และไม่ได้ต่อสู้เพื่อชัยชนะ แต่ต่อสู้เพื่อลูกหลาน ที่จะต้องไม่ได้รับชะตากรรมแบบเดียวกัน ดังนั้น จึงเป็นสิทธิ์ของน.ส.แพทองธาร ที่จะชวนคนเสื้อแดงกลับบ้าน และก็เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะตัดสินใจ ตนถือว่านี่เป็นปรากฏการณ์ และเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้


“ผมจะพูดเสมอว่า ไม่ว่าในอดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรประชาชนจะเป็นประชาชนอยู่วันยังค่ำ เพราะฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าพี่น้องคนเสื้อแดง ว่าจะตัดสินใจอย่างไร เพราะคุณอุ๊งอิ๊งก็มีสิทธิ์จะชวนกลับพรรค” นายจตุพร กล่าว


เมื่อถามถึงความเห็นต่อกรณีพรรคเพื่อไทยอาจจะชู น.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ มีความกังวลว่าจะนำไปสู่การรัฐประหารในอนาคตหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า อยากให้มองเป็นเรื่องปกติ ตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ที่ได้รับคะแนนเสียงจากประชาชนสูงที่สุด สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ และไม่เฉพาะน.ส.แพรทองธารเท่านั้น แต่ใคร ๆ ก็สามารถเป็นได้ เชื่อว่านางสาวแพทองธารมีบทเรียนจากกรณีของพ่อและอา


“พล.อ.ประยุทธ์ ยังมีสิทธิ์เป็นได้ ใครก็มีสิทธิ์เป็นได้ บอกว่าคุณอุ๊งอิ๊งเป็นเด็ก พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นคนที่แก่ ถ้าจะว่ากัน แต่ทั้งหมดมันไม่ได้อยู่ที่แก่ มันอยู่ที่ประชาชน ว่าเขาจะตัดสินใจกันอย่างไร”


นายจตุพร ระบุอีกว่า ถึงวันนั้นยังอีกไกล วันนี้การเลือกตั้งยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ และกฎกติกาที่ออกมาวันนี้ก็ยังไม่ชัด ที่เห็นออกมาวันนี้ ลับลวงพรางทั้งสิ้นของจริงยังไม่เปิดเผย แต่ทั้งนี้ รัฐประหารเกิดจากหลายปัจจัย ดังนั้นก็ต้องดูบทเรียนในอดีตด้วย หากเดินเส้นทางหนึ่งแล้วก่อให้เกิดปัญหา ก็จะต้องหลีกเลี่ยง หากมีการกำหนดแนวทางหรือเส้นทางใหม่ก็ต้องวิเคราะห์ว่า จะนำไปสู่ปัญหาแบบเดียวกันหรือไม่ ไม่อยากให้สังคมวิตกกันไปก่อน


ส่วนเรื่องการบริหารประเทศ และการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ตนเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่อยู่ในสภาพของคนที่จะแก้ไขปัญหาได้ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้อง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ การพาประเทศไปเข้าข้างประเทศมหาอำนาจ ประเทศใดประเทศหนึ่ง อาจเกิดผลเลวร้ายต่อประเทศไทย คนไทยรู้สึกว่าไกลเกินตัวกับการที่ประเทศไทยไปร่วมลงนามกับสหรัฐอเมริกา และแม้ว่าประเทศจีนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่เกษตรกรที่เพาะปลูกปีนี้ เชื่อว่าการค้าขายจะไม่เหมือนเดิม


ปีนี้การค้าขายหายไปมากกว่าครึ่ง เช่น มังคุด ลำไย ได้รับผลกระทบที่รุนแรง เห็นได้ชัดว่าเป็นการตอบโต้ของประเทศมหาอำนาจด้วยกัน โดยใช้ประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกร ที่ต้องพึ่งพาจีน ส่วนตัวยืนยันว่าไม่เห็นด้วยว่าจะต้องไปอิงกับประเทศจีน แต่มองว่าเราต้องอยู่ด้วยการสร้างความสมดุล


ตอนนี้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องมีปัญหา และยังไม่เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะผ่านจุดสูงสุดของการแก้ไขปัญหาที่จะพอมีความหวัง หากพล.อ.ประยุทธ์สามารถให้ความหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้บ้างก็ยังพอมีหวัง แต่ตนยังไม่เห็น


"ถ้าจะอยู่จนครบ 8 ปี หรือจะอยู่เกิน 8 ปี ผมอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ดูคนไทย ดูแววตาของประชาชนภายใต้การเป็นนายกรัฐมนตรีของท่าน ท่านควรจะอยู่ในตำแหน่งนายกฯ ต่อไปหรือไม่ ถ้าไม่สามารถสร้างความผาสุกให้กับคนไทย ก็ควรจะเสียสละให้กับประเทศไทย เหมือนคนไทยก็เสียสละให้ท่านเป็นนายกมาแล้วเกือบ 8 ปี" นายจตุพร กล่าว


นายจตุพร กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีก็ตาม ถ้าประชาชนเลือกมาก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นทั้งสิ้น และเชื่อว่าใครที่เข้ามาก็สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่าพล.อ.ประยุทธ์ เพราะมีแรงบันดาลใจ ไม่ได้หยุดอยู่กับที่ อีกทั้งทุกวันนี้เหมือนไม่ได้อะไรเลย ปรับปรุงไม่ได้ ปฏิรูปอะไรก็ไม่ได้สักอย่าง และคนจนก็เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องยุ่งอยู่กับการแก้ปัญหาปากท้อง ไม่มีเวลาไปยุ่งกับการเมือง แม้อาจจะปกครองได้ง่าย แต่ประเทศจะล้าหลัง


ส่วนกรณีมีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เป็นนายกฯ สำรอง นายจตุพร กล่าวว่า ยุทธการแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.ประวิตร ครองรักกันมายาวนาน การสร้างความแตกแยกให้สองคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย มันไม่เกิดประโยชน์ เพราะต่อให้มีทั้งคู่เป็นร้อยคนก็อาจจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ การเอาพล.อ.ประยุทธ์ลง และเอาพล.อ.ประวิตรขึ้นนั้น เป็นการสร้างความหวังลมๆ แล้งๆ และ เชื่อว่าสุดท้ายทั้ง 2 คนจะไม่มีวันทะเลาะกัน มีแต่บางคนที่ไปหลงเชื่อ วิธีแก้ปัญหาทางเดียวที่สามารถเป็นไปได้คือทั้ง 3 ป. จะต้องไปทั้งหมดพร้อมกัน


นายจตุพร กล่าวทิ้งท้ายถึง กรณีที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทยประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ว่า สุดท้ายอยู่ที่ประชาชนเป็นคนตัดสิน


คุณอาจสนใจ

Related News