เลือกตั้งและการเมือง

สคบ.ออกหนังสือถึง 'ลาซาด้า' ให้ชี้แจง - 'ชัยวุฒิ' จ่อส่งเรื่องให้ศาลเร็วๆ นี้

โดย thichaphat_d

12 พ.ค. 2565

36 views

มื่อวันที่ 11 พฤษภาคม นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจเเละสังคม เปิดเผยระหว่างเป็นประธานเปิดงานสำมะโนธุรกิจและอุตสาหกรรม ณ โรงแรมเซ็นทราบายเซ็นทารา ศูนย์ราชการเเจ้งวัฒนะ เกี่ยวกับกรณีการปิดเว็บไซต์ของลาซาด้า ว่า


ต้องดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย ขณะนี้ทางกระทรวงดิจิทัลฯกำลังรวบรวมพยานหลักฐานทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และนำส่งเรื่องให้ศาลเร็วๆ นี้ หากพบว่ามีความผิด ทั้งผู้จัดทำ ผู้ว่าจ้าง ผู้รับจ้าง คนแสดง คนที่ไปโพสต์ ไปแชร์ ทั้งหมดเหล่านี้ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานส่งไปให้ศาลพิจารณาว่าจะตัดสินว่าใครผิดบ้างก็จะลงโทษอย่างไรก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย


ทั้งนี้ ตามกฎหมายเรายังปิดลาซาด้าไม่ได้ เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรมซึ่งดำเนินการไปตามขั้นตอน อยู่ที่การพิจารณาของศาล ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ส่วนกรณีที่ประชาชนมีความไม่พอใจในสิ่งที่ลาซาด้าได้ทำเพราะว่ากระทบต่อความรู้สึกคนไทยทั้งประเทศนั้น อันนี้ก็เป็นสิทธิของพี่น้องประชาชน หรือขององค์กรต่างๆ ที่จะแบนลาซาด้า คนไทยมีสิทธิที่จะต่อต้านหรือไม่เห็นด้วยในสิ่งที่ลาซาด้าทำ


“ผมว่ามันเป็นสิทธิของแต่ละฝ่าย ก็ขอให้ทุกคนเข้าใจว่าสังคมไทยก็มีบริบทมีค่านิยมที่แตกต่างจากต่างประเทศ ก็อยากให้ทุกคนที่มาทำธุรกิจในเมืองไทยเข้าใจในสิ่งนี้ด้วย” นายชัยวุฒิกล่าว

-----------

ด้าน รองโฆษก ตร. เผยเตรียมดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องกรณีโฆษณาลาซาด้า อย่างน้อย 3 ราย ส่วนดีอีเอสปิดกั้นลิงก์ที่โพสต์หรือแชร์แล้ว 49 URL / ย้ำไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่เห็นชัดเจนว่าเป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง / ระบุ ตร. จะไม่ออกคำสั่งแบนแพลตฟอร์มนี้ เหมือน 3 เหล่าทัพ แต่ให้กำลังพลในฐานะประชาชนพิจารณาไตร่ตรองเอาเอง


วานนี้ 11 พ.ค.65 พันตำรวจเอกกฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีการดำเนินคดีกับแพลตฟอร์มขายสินค้าลาซาด้า ว่า เรื่องนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้ติดตามบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ตั้งแต่ทราบว่ามีการเผยแพร่โฆษณาดังกล่าวออกไป เมื่อวันที่ 5 พ.ค. โดยเป็นการนำเสนอสินค้า ที่มีเนื้อหาพาดพิงไปยังบุคคลที่มีอาการเจ็บป่วย มีความบกพร่องหรือความไม่เท่าเทียม


ส่วนการดำเนินคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง เบื้องต้นอย่างน้อย 3 ราย ทั้งบริษัทผู้ผลิตเนื้อหา / บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มที่เป็นผู้เผยแพร่ / รวมถึงตัวนักแสดง ซึ่งก็จะต้องเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาสอบสวน และนำคำให้การมาประกอบพยานหลักฐานว่าใครจะเข้าข่ายความผิดอย่างไรบ้าง


รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้เลือกปฏิบัติ แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ผู้เสพสื่อออนไลน์ก็เห็นอยู่แล้วว่าการกระทำนี้เหมาะสมหรือไม่ แม้บริษัทผู้ผลิตเนื้อหาจะมีการออกแถลงการณ์แล้วแต่เมื่อมีการกระทำความผิดเกิดขึ้น โดยเฉพาะความผิดที่เสี่ยงต่อการฝ่าฝืนกฎหมายเรื่องความมั่นคง ก็ต้องดำเนินตามกฎหมาย ซึ่งบริษัทอาจทำเพื่อการตลาด แต่ก็ต้องดูเรื่องสิทธิและหน้าที่ด้วย อย่าทำอะไรที่สุ่มเสี่ยง


ส่วนกรณีที่ 3 เหล่าทัพ มีการออกคำสั่งแบนไม่ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาใช้บริการแพลตฟอร์มดังกล่าวนั้น พันตำรวจเอกกฤษณะ ระบุว่า ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งดังกล่าว เพราะตำรวจ ถือว่ามี 2 สถานะ คือ ผู้บังคับใช้กฎหมายและประชาชนทั่วไป ซึ่งในฐานะประชาชนทั่วไป ก็ต้องให้พิจารณาไตร่ตรองเอาเองว่าจะปฏิบัติยังไงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คงไม่ถึงขั้นต้องมีคำสั่งไปห้ามปราม

-----------

ด้าน นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความเป็นห่วงต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว และในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ได้สั่งการเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 ให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณาว่ามีความผิดอย่างไร


จากข้อสั่งการดังกล่าว ทาง สคบ. ได้เร่งตรวจสอบและพิจารณาแล้วว่า กรณีการโฆษณาสินค้าของแพลตฟอร์มลาซาด้า อาจมีความผิดตาม มาตรา 22 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ที่ระบุว่า “การโฆษณาจะต้องไม่ใช้ข้อความที่เป็นการไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภคหรือ ใช้ข้อความที่อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสังคมเป็นส่วนรวม...” โดยโฆษณาดังกล่าวเข้าข่าย (3) ข้อความที่เป็นการสนับสนุนโดยตรงหรือโดยอ้อมให้มีการกระทำผิดกฎหมาย หรือศีลธรรม หรือนำไปสู่ความเสื่อมเสียในวัฒนธรรมของชาติ และ (4) ข้อความที่จะทำให้เกิดความแตกแยกหรือเสื่อมเสียความสามัคคีในหมู่ประชาชน


ทั้งนี้ สคบ.ได้ออกหนังสือถึงทางลาซาด้าแล้ว เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม เพื่อให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงดังกล่าว หากพบว่ามีความผิดจริงตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดทันที


นายอนุชา กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของ สคบ. ในการคุ้มครองและดูแลผู้บริโภคไม่ให้รับความเสียหายทั้งทางร่างกายและทรัพย์สิน รวมถึงต้องไม่เป็นภัยต่อสังคมส่วนรวม จึงขอกำชับให้ผู้ประกอบการคำนึงถึงประชาชนผู้บริโภคและสังคมส่วนร่วม เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ลดการสร้างความขัดแย้งและความแตกแยกในสังคมไทย


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/4vQRuTMEMbY

คุณอาจสนใจ

Related News