ก้าวไกลเปิดตัว “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. หวังชนะ ไม่ใช่แค่วัดกระแส

พรรคก้าวไกลเปิดนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ภายในสโลแกนพร้อมชนทุกปัญหา หมดเวลาซุกปัญหาไว้ใต้พรม



โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน้าหน้าพรรค กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่แสนพิเศษ เป็นปีที่สร้างความหวังและการเปลี่ยนแปลงให้กับคนกรุงเทพมหานคร เพราะไม่ได้เลือกผู้ว่ามา 7-8 ปีแล้ว คนที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม.จึงจำเป็นจะต้องเป็นคนพิเศษ ซึ่งคำว่าพิเศษไม่ได้หมายถึงซุปเปอร์แมน หรือยอดมนุษย์ หรือใบปริญญาหลายใบ แต่เป็นที่ตนเชื่อได้สนิทใจว่าเมื่อเจอปัญหาจะไม่คลอนแคลนไปไหน เอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง



ซึ่งเกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ตนได้มีในการพูดคุยกับคนที่มีชื่อเสียงมี ศักยภาพ แต่ไม่มีคนไหนที่มีดีเอ็นเอความเป็นก้าวไกล ไม่มีคนที่เชื่อได้สนิทใจ ว่าพร้อมชนกับทุกปัญหาโดยเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง วันนี้ตนจึงตัดสินใจครั้งสำคัญขอเอาเสาหลักของ ส.ส.พรรคก้าวไกลจากสภาผู้แทนราษฏรที่เคียงบ่าเคียงไหล่มาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ มาถึงพรรคก้าวไกล อย่าง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร มาปักกลางใจคนกรุงเทพมหานคร เพื่อทำงานให้คนกรุงเทพมหานคร





ขณะที่นายวิโรจน์ โชว์วิสัยทัศน์พร้อมชนเพื่อแก้ไขทุกปัญหาให้คนกรุงเทพฯ โดย 3 เรื่องที่ต้องชน คือ แก้ปัญหาส่วย ใน กรุงเทพฯ ต้องไม่มีการรีดไถอีกต่อไป หากมีหลักฐานจะดำเนินคดีทันที เพื่อขับเคลื่อน กทม. ไปในทิศทางที่ดี ขณะเดียวกัน กทม. ยังมีปัญหา การบริหารงานที่มีหน่วยงานจำนวนมาก ทำงานซ้ำซ้อน ทำงานไม่ประสาน ไม่บูรณาการกัน โดยเฉพาะสถานการณ์โควิด 19 ที่คนกรุงเทพ เข้าถึงระบบสาธารณะสุขล่าช้า บางเขต มีคนป่วยล้มตาย ซึ่งหากตนเองเป็นผู้ว่า กทม. พร้อมชนกับ รัฐมนตนีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงจะแก้ปัญหา ทางเท้า สะพานลอยไม่ปลอดภัย การเดินสายไฟ ระโยงระยาง น้ำท่วมชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ยังแก้ไม่ได้



นายวิโรจน์ ยังประกาศพร้อมชนกับกลุ่มทุนผูกขาด ฮั้วสูบเลือดสูบเนื้อคนกรุงเทพฯ  โดยยืนยันจะเปิดแฉสัญญา สัมปทาน ทุกฉบับ โดยเฉพาะที่เกี่ยวโยงกับคำสั่ง คสช. ไม่มีการปล่อยเกียร์ว่าง เพราะนายทุนเอาเงินมาปิดปาก



นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า คำว่าชน คือการไปประสาน หากไม่ได้ก็ต้องจี้ หากทำได้ไม่ดีขึ้นก็ต้องตามมาแก้ ที่ผ่านมาผู้ว่าฯ ลอยแพคน กทม. และบอกให้มองปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ หากใครรำคาญใจทนไม่ไหวให้ควักกระเป๋าตังค์จ่ายเอง



ถ้าผู้ว่าชื่อวิโรจน์ กทม.ไม่จำเป็นต้องเป็นเมืองอันดับ 1 แต่ต้องเป็นเมืองที่คนอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี มีสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่ดี พร้อมเป็นฟูกผืนหนึ่งหากล้มลงจะมั่นใจได้ว่าไม่เจ็บหนัก พร้อมลุกคนได้ใหม่ ตนพร้อมทุ่มเททำงานหนัก มุ่งมั่นเพื่อปกป้องชีวิตคนกรุงเทพ พร้อมปักธงพาคนที่แตกต่างหลากหลายเดินไปข้างหน้าพร้อมกัน และพอแล้วกับกรุงเทพชีวิตดีๆที่ต้องจ่าย





นายวิโรจน์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงการตัดสินใจ ลงสมัครผู้ว่า กทม.ว่า ที่ผ่านมาทำงานด้านนโยบายมาตลอด และอยู่กับทุกกระบวนการการคัดเลือก พยายามค้นหาคนที่เหมาะสมที่จะขับเคลื่อนนโยบาย โดยที่ไม่หวั่นเกรงกับอำนาจใดๆ ไม่หวั่นเกรงกับผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้าและในท้ายที่สุด กรรมการบริหารพรรคก็ตัดสินใจเลือกเลือกตนเอง



พร้อมขอบคุณที่หลายคนบอกว่ารู้สึกเสียดายกับการทำหน้าที่ ส.ส. ซึ่งงานในสภาก็สำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือการบริหารชีวิตคนกรุงเทพมีชีวิตให้ดีขึ้นได้ จึงไม่รู้สึกเสียดายกับตำแหน่ง ส.ส. เพราะตำแหน่งผู้ว่าจะเป็นบทพิสูจน์ว่าสามารถทำงานให้ประชาชนมากกว่า



นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่าการลงสมัครผู้ว่าไม่ได้ต้องการแข่งกับใคร แต่โจทย์ใหญ่แข่งกับใจของคนกรุงเทพ



นายวิโรจน์ ยังบอกด้วยว่า วันพรุ่งนี้จะเริ่มต้นภารกิจแรกด้วยการลงพื้นที่ดูปัญหาการจราจรโดยเฉพาะเรื่องทางม้าลายจุดที่เกิดอุบัติเหตุ "คุณหมอกระต่าย"



ขณะที่นายพิธา กล่าวว่าการตัดสินใจเลือกนายวิโรจน์เอาสถานการณ์เป็นตัวตั้ง ไม่ได้คิดว่าจะเป็นคนนอกหรือคนใน แต่ต้องการคนที่เหมาะสมที่สุดสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริงๆ และนายวิโรจน์เองก็มีจุดแข็งคืออุดมการณ์ที่มั่นคง อยู่กับพรรคมานาน และเชื่อว่าความเป็นตัวตนสามารถเข้ากับคนกรุงเทพฯได้ จึงมั่นใจการส่งนายวิโรจน์จะตอบโจทย์คนกรุงเทพกับสถานการณ์ในขณะนี้ และหวังจะชนะการเลือกตั้ง ไม่ใช่การเล่นการเมืองแต่เป็นการพัฒนาเมือง