จับสัญญาณจาก ‘บิ๊กตู่’ หลังจบอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปรับ ครม.-เปลี่ยนสูตรเลือกตั้ง-รัฐอยู่ครบเทอม

การเมืองภาพใหญ่ หลังผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปแล้ว ตอนนี้หลายคนอาจจะตั้งคำถามถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้


ผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ถือได้ว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้ายของรัฐบาลไปได้อย่างสบาย ๆ แล้ว คำถามต่อไปคือ การเมืองหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร และรัฐบาลจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน


คำถามแรก รัฐบาลจะอยู่อีกนานแค่ไหน ถ้าฟังจากที่นายกฯส่งสัญญาณระหว่างชี้แจงการอภิปราย คือ อยู่จนครบวาระ อีก 250 กว่าวัน ก็คือ 8 เดือนเศษ ซึ่งก็คือจะครบเทอมของอายุสภาในเดือนมีนาคม ปีหน้า และถ้าดูจากช่วง 3 ปีกว่าที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า โครงสร้างทางการเมืองที่ออกแบบไว้โดยรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน


ทั้ง ส.ว. 250 คน และองค์กรอิสระต่าง ๆ เป็นนั่งร้านที่เข้มแข็งอย่างยิ่งให้กับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา จนทำให้พรรคร่วมรัฐบาลก็เลือกที่นอนสงบนิ่งร่วมเป็นนั่งร้านให้ พล.อ.ประยุทธ์ แม้ว่าช่วงหนึ่งจะมีเคยแรงกดดันจากนอกสภาอย่างหนัก จนแรงกดดันเหล่านั้นแผ่วลงตามกาลเวลา


ในกลุ่มพรรคเล็กที่ทำท่าจะมีปัญหา ช่วงที่ผ่านมาก็พิสูจน์ว่าสามารถจัดการได้ ไม่ว่าใบเสร็จ "แจกกล้วย" จะจริงหรือไม่ก็ตาม ปัจจัยที่จะทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้จึงแทบจะเป็นศูนย์ คำถามต่อมา 8 เดือนจากนี้ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง


จับสัญญาณจากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ทันทีที่ผ่านศึกอภิปราย ก็น่าจะมีปรับ ครม. และจากผลโหวตในส่วนของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่มี ส.ส. พลังประชารัฐหาญกล้าโหวตสวนมติพรรค "ไม่ไว้วางใจ" 6 คน ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า พล.อ.ประวิตร จะได้ขยับไปเป็นรัฐมนตรีมหาดไทยเพื่อปูทางสู่ความได้เปรียบในการเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด


อีกอย่างที่น่าจะเกิดขึ้น คือ การแก้กติกาเลือกตั้งกลับไปใช้สูตร 100 จากที่แก้เป็นสูตร 500 เรื่องนี้จับสัญญาณจากนายไพบูลย์ นิติตะวัน มือกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐ คนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร ที่ออกมาเคลื่อนไหว


ด้าน พล.อ.ประวิตร ต้องการ "สูตร 100" ตั้งแต่ต้น แต่จำยอมตามนายกฯ และเมื่อรู้ชัดๆ ว่า สูตร 500 ก็สกัดเพื่อไทยไม่ได้ แถมอาจจะมาสกัดตัวเองด้วย ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่กลับสูตรเก่า นี่คือ 2 สิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นก่อนหมดอายุรัฐบาล เพื่อสร้างความได้เปรียบในการเลือกตั้งให้ได้มากที่สุด


หลังเลือกตั้ง ใครจะเป็นนายกฯ ยังขึ้นอยู่ที่ ส.ว. 250 คน ยกเว้นเสียงของประชาชนจะดังมากพอ เช่นที่เกิดขึ้นกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. หมายถึงฝั่งเพื่อไทยและก้าวไกลจะต้องชนะเกินครึ่งแบบเด็ดขาด แบบนั้นอาจทำให้ ส.ว. ไม่กล้าขัดเสียงประชาชน


รศ.สุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง เชื่อว่ารัฐบาลจะอยู่ครบวาระ แต่หนทางข้างหน้าไม่ถึงขนาดโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะอย่างน้อยในเดือนหน้าจะเจอปัญหากรณีดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีมาเป็นอุปสรรค และคาดว่าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี และไม่เชื่อว่า นายกฯจะปรับให้ พลงอ.ประวิตร ไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะหากเป็นเช่นนี้จะมีเสียงครหาตามมาว่าทำเพื่อประโยชน์ในการเลือกตั้ง

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/E1X2Wk7iUFg