เลือกตั้งและการเมือง

“โรม” มองคนคาดหวัง “ธรรมนัส” มีข้อมูลเด็ดสอย รบ. เตือนหากไม่จริงใจ จะถูก ปชช.ลงโทษ

โดย panisa_p

15 ก.ค. 2565

25 views

“โรม” มองคนคาดหวัง “ธรรมนัส” มีข้อมูลเด็ดสอย รบ. เตือนหากไม่จริงใจ จะถูก ปชช.ลงโทษ กังวลผู้กองไว้ใจ “บิ๊กป้อม” เหมือนไว้ใจโจรปล้นชาติ ย้ำไม่อยากไว้ชีวิต 3ป. แย้มเนื้อหาซักฟอกเปิดประเด็นใหม่-ภาคต่อตอนที่แล้ว


15 ก.ค.2565 นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล เปิดเผยกับทีมข่าวการเมือง ช่อง 3 ถึงกรณีที่พรรคเศรษฐกิจไทยลาออกจากวิปรัฐบาล เตรียมย้ายมาฝ่ายค้านว่า การย้ายฝ่ายของร้อยเอกธรรมนัส สร้างความคาดหวังให้กับสังคมพอสมควร และยิ่งร้อยเอกธรรมนัสพูดอยู่เนือง ๆ ว่า จะไม่ขอเป็นฝ่ายรัฐบาลแล้ว และการเลือกตั้งซ่อมลำปางถือเป็นนัยยะว่าประชาชนไม่เลือกพลเอกประยุทธ์


ตนมองว่าสิ่งหนึ่งที่ประชาชนคาดหวังคือ การที่ร้อยเอกธรรมนัสร่วมงานกับรัฐบาลมานาน น่าจะมีข้อมูลเด็ดหรือไม่ ที่สามารถสอยรัฐบาลได้ ถึงแม้ตนจะมีความรู้สึกลึกๆ ว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ไหว และร้อยเอกธรรมนัส รวมถึง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอีกจำนวนมากควรออกมาตั้งนานแล้ว


“ถึงแม้จะมาช้าก็ดีกว่าไม่มา แต่นั่นแหละครับ มันก็จะกลับไปว่าในเมื่อคุณธรรมนัส เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้พลเอกประยุทธ์มาไกลถึงตรงนี้ได้ คุณธรรมนัสก็น่าจะมีข้อมูลบางอย่างที่จะทำให้รัฐบาลนี้ไปต่อไม่ได้หรือไม่ ดังนั้น ผมคิดว่าการเข้าร่วมของคุณธรรมนัส


สิ่งสำคัญที่สุดมันไม่ใช่ฝ่ายค้าน แต่มันอยู่ที่การทำหน้าที่ของคุณธรรมนัสและพวกเอง ว่าจะทำหน้าที่ได้สมกับสิ่งที่ตัวเองเคยคุยเอาไว้ สมกับที่ประชาชนได้คาดหวังหรือไม่ ซึ่งถ้าเกิดว่าคุณธรรมนัสทำไม่ดี ไม่แน่ เลือกตั้งรอบหน้า ประชาชนก็จะเป็นคนลงโทษคุณธรรมนัสเอง”




นายรังสิมันต์ ยังแสดงข้อกังวลในเรื่องความจริงใจ เรื่องการที่ร้อยเอกธรรมนัสระบุว่า ต้องไปลาพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากพลเอกประวิตร ถือเป็นหนึ่งในคนสำคัญที่พรรคร่วมฝ่ายค้าน ให้ความสำคัญในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากมีการไว้ชีวิตพลเอกประวิตรแบบนี้ สุดท้ายจะเหมือนกับการไว้วางใจให้กับโจรที่ร่วมกันปล้น ทั้งที่ควรถูกลงโทษ


ส่วนที่ร้อยเอกธรรมนัสจะไม่ยกมือไม่ไว้วางใจพลเอกประวิตรแน่นอน นายรังสิมันต์ ระบุว่า ก็เป็นสิทธิ์ของร้อยเอกธรรมนัส แต่ตนมองว่าการที่บ้านเมืองมาถึงจุดนี้ได้ พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ทำคนเดียว แต่มีปัจจัยจากคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นพลเอกประวิตร รวมถึงพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วย (3ป.) ตั้งคำถามว่า ประชาชนจะไว้ใจได้หรือไม่ ซึ่งท้ายที่สุดประชาชนจะเป็นคนพิจารณาเอง


นายรังสิมันต์ ย้ำว่า ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลจุดยืนมาโดยตลอดว่าจะไม่มีการไว้ชีวิต ทั้ง 3 ป. รหัสเอาเสียงของรัฐบาลและฝ่ายค้านมาคำนวณ ยอมรับว่ามีโอกาสชนะไม่ง่าย ผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจ แม้จะมีเสียงของร้อยเอกธรรมนัส และพรรคเล็กประมาณ 36 คน มารวมกับฝ่ายค้าน เต็มที่ก็ได้อยู่ที่ 245 เสียง ก็อาจสามารถล้มรัฐบาลนี้ได้ แต่ปัญหาคือในพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ยังมี ส.ส.งูเห่า ให้ได้เห็นอยู่เป็นประจำ เช่น พรรคก้าวไกลประมาณ 5 เสียง พรรคเพื่อไทย 7 เสียง


“การจะล้มทุกคน ผมก็ยอมรับตรงไปตรงมาว่ามันไม่ง่ายเลย แล้วยิ่งถ้าคุณธรรมนัสประกาศว่ารัฐมนตรีบางคนนะครับ ตัวเองจะไว้ชีวิตด้วยเนี่ย เราก็ยอมรับว่ามันคงมีความเป็นไปได้ยากอยู่เหมือนกัน ในการที่จะเห็นว่าพลเอกประวิตรจะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามครับ ได้บ้างก็ดีกว่าไม่ได้เลย เราก็พยามทำหน้าที่ของเราดีที่สุดนะครับ”




โฆษกพรรคก้าวไกล ยังกล่าวถึง การอภิปรายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีด้วยว่า มีโอกาสถูกโหวตไม่ไว้วางใจด้วยเสียงปริ่มน้ำ เพราะหากไปดูฝ่ายรัฐบาล บางครั้งก็รวมกันเป็นหนึ่งไม่สำเร็จ หลายกฎหมายที่พรรคก้าวไกลผ่านสำเร็จได้ ทั้งที่ฝ่ายรัฐบาลเสียงมีการเตรียมตัวนัดแนะ สุดท้ายก็โหวตตามมติตัวเอง นอกจากนี้ยังมีกรณีที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เคยให้สัมภาษณ์ว่าอาจมีรัฐมนตรีบางคนของฝั่งรัฐบาลไปต่อไม่ได้ ซึ่งตนมองว่ารัฐมนตรีที่ถูกสอย บางคนอาจหมดอนาคตทางการเมือง


“รอบนี้ผมก็ได้กลิ่นแล้วว่า รัฐมนตรีบางคนอาจถูกสอยจากตำแหน่งทางสภาแน่ๆ ซึ่งผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนคนนั้น หนึ่งในรายชื่อที่จะโดนจะต้องเป็นพลเอกประยุทธ์ด้วย เพราะถ้าพลเอกประยุทธ์ถูกสอยสำเร็จ มันก็จะเป็นการปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่อาจจะเรียกว่าในรอบเกือบ 8 ปีของการเมืองไทยนะครับ หลังจากที่เราถูกแช่แข็งมาเป็นเวลานาน”


เมื่อถามว่ากระแสพรรคเล็กที่กำลังเนื้อหอม อาจทำให้มีการแจกกล้วย และราคาแพงขึ้น มองอย่างไร โฆษกพรรคก้าวไกล ยอมรับว่ากลุ่มพรรคเล็กพยายามทำให้ตัวเองเป็นตัวแปรในการชี้ขาดเรื่องการเมือง เนื่องจากทุกคนทราบว่าพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลและฝ่ายค้านจะโหวตอย่างไร โดยร้อยเอกธรรมนัสก็พยายามสร้างความชัดเจนว่าอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล ทำให้อนุมานได้ว่ากับพลเอกประยุทธ์จะโหวตประมาณไหน


แต่เมื่อรวมคะแนนทั้งหมดพบว่ายังไม่พอ ต้องมีคะแนนเสียงจากพรรคเล็กมารวมเพื่อให้มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลถูกสอย ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจสำเร็จ มองว่าใครที่เล่นตัวมากๆ จะเป็นตัวแปรสำคัญในการเมืองในช่วงนี้ ส่วนตัวไม่ทราบว่ามีการแจกกล้วยหรือไม่ แต่คิดว่าพรรคพยายามทำการเมืองแบบที่มีจุดยืน ซึ่งเป็นการเมืองที่ดีที่สุด ท่ามกลางความขัดแย้ง


โดยถ้าใครที่พยายามสร้างตัวเองให้เป็นตัวแปรมากจนเกินไป อาจทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเชื่อถือไม่ได้ และช่วงเวลานี้คือปีสุดท้าย ประชาชนจะจดจำช่วงนี้มากที่สุด และเอาข้อมูลนี้ไปตัดสินในการเลือกตั้งครั้งหน้า ดังนั้นควรทำให้ตนเองมีจุดยืนมากที่สุด ไม่ต้องสนใจเรื่องสินจ้าง มองว่าคนแบบนี้จะได้รับการเชิดหน้าชูตาในสังคมการเมืองไทยมากที่สุด


ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจสัปดาห์หน้า มีการเตรียมพร้อมมากน้อยแค่ไหน แล้วจะเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ในฐานะ ส.ส. หน้าใหม่ ที่ผ่านมา ส.ส.คนอื่นที่มีประสบการณ์ก็มีข้อมูล ต้นก็จะทำหน้าที่เรียบเรียงข้อมูลให้คนหลายคนได้เห็นว่าเป็นอย่างไร เข้าใจง่าย


“ผมก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดครั้งนี้ก็เช่นกันตระหนักดีนะครับ ว่า 4 ปีที่ผ่านมา เราก็พยายามในการอภิปราย หลายครั้งทำให้เต็มที่เหมือนเป็นวันสุดท้ายของเรา แต่รอบนี้มันไม่ใช่เหมือนวันสุดท้าย แต่ต้องยอมรับว่ามันคือครั้งสุดท้ายจริงๆใน 4 ปีของพลเอกประยุทธ์ที่ผ่านมา ดังนั้น เราจะทำอย่างไรให้เหมือนสึนามิที่จะถล่มรัฐบาลนี้ให้ได้”


นายรังสิมันต์ ย้ำว่า ไม่อยากเห็น 3 ป. ในการเมืองไทย อยากให้จบให้ได้ การอภิปรายครั้งนี้ ตนคิดบนพื้นฐานว่าเป็นศึกสุดท้าย มีเท่าไหร่ก็จะใส่ให้หมด และวันหนึ่งมีการเลือกตั้ง จะได้พูดอย่างเต็มปากว่าประเทศไทยเป็นประเทศประชาธิปไตยที่รัฐบาลเป็นตัวแทนมาจากประชาชน ซึ่งอาจจะมีทั้งประเด็นใหม่และความเดิมของตอนอภิปรายครั้งที่แล้ว เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลนี้อย่างน่ากลัว และนำไปสู่การดำเนินคดีกับรัฐบาล

คุณอาจสนใจ

Related News