‘ณัฐวุฒิ’ ประกาศชัด ‘อุ๊งอิ๊ง’ คือแคนดิเดตนายกฯ ‘เพื่อไทย’ ส่วนอีก 2 คน รอพิจารณา

‘ณัฐวุฒิ’ ประกาศชัด บนเวทีที่นคร ‘อุ๊งอิ๊ง’ คือแคนดิเดตนายกฯ ‘เพื่อไทย’ ส่วนอีกสองคน รอกรรมการบริหารพรรคพิจารณาก่อนประกาศอย่างเป็นทางการ ขณะ ‘อุ๊งอิ๊ง’ อ้อนคนใต้ในฐานะสะใภ้คนนคร “นุ้ยตั้งใจจริง อย่าทิ้งนุ้ยนะ”

บรรยากาศที่ศูนย์ประชุมทุ่งท่าลาด อำเภอเมืองนครศรีธรรมราชสถานที่จัดกิจกรรม “ครอบครัวเพื่อไทย แหลงจริง ทำได้คนใต้หรอยแรง” มีอยู่ช่วงหนึ่งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย ประกาศบนเวทีชัดเจน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร คือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ส่วนอีกสองคน รอกรรมการบริหารพรรคพิจารณาก่อนประกาศอย่างเป็นทางการ

จากนั้นนายณัฐวุฒิได้พูดถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะเกิดขึ้นภายในปี 2570 ว่า “ไอ้เต้นมาใต้ ไม่มีคน” แต่เมื่อมาถึงมีคนมาเต็มพื้นที่ เป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ตอนแรกก็ไม่มั่นใจว่าจะมีคนมาหรือไม่เพราะรัฐบาลยอกว่า 8 ปีคนจนจะหมดไป แต่คนที่มาในวันนี้คือคนมีเงินทั้งหมด หาก 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนอยู่สบาย พรรคเพื่อไทยไม่เหลือที่เดินในภาคใต้ แต่วันนี้พิสูจน์ได้แล้วว่าเพื่อไทยกำลังเปิดหัวใจคนใต้

เลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันกับพรรคที่คิดใหญ่ ทำเป็น กับพรรคที่ “คิดไหรฉู้ ทำหรุหระ” (คิดอะไรก็ไม่รู้ ทำสกปรก) บางพรรคเอาเงินมาแจกประชาชน แต่เงินจากการกู้ พรรคเพื่อไทยประกาศมาแล้วหลายนโยบาย ซึ่งทันทีที่นางสาวแพทองธารประกาศวิสัยทัศน์ ปรากฎว่าฝ่ายรัฐบาลดิ้นรน ไม่พอใจ โดยเฉพาะเรื่องนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทและเงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท การประกาศวิสัยทัศน์คือสู้รบกันด้วยนโยบาย และหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะทำตามวิสัยทัศน์ปี 2570 ทั้งนโยบายสุขภาพ ล้างหนี้ประชาขน รวมทั้งประกาศไม่เอายาเสพติด

นายณัฐวุฒิ ยังกล่าวถึงกรณีพลเอกประยุทธ์ กับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีแยกกันสังกัดพรรคการเมือง ว่าทั้ง 2 คนไม่ได้แยกจากกันแน่นอน แต่เป็นการแยกเพื่อรุมเพื่อไทย หลังการเลือกตั้งก็จะจับมือกันเหมือนเดิม แต่เพื่อไทยไม่ยอมเพราะเชื่อมั่นว่ายืนอยู่กับประชาชน

นายณัฐวุฒิ ระบุว่า ตนเป็นนักการเมืองภาคใต้มีทั้งคนที่เข้าใจและคนที่ไม่ชอบ แต่ยืนยันว่าจะยืนหยัดอยู่ฝ่ายประชาธิปไตย ไม่อยู่ฝ่ายเผด็จการเด็ดขาด พร้อมย้ำว่าเพื่อไทยจะลงพื้นที่ภาคใต้ทั้งทุกพื้นที่ อ้อนคนใต้ หากไม่เอาพลเอกประยุทธ์ต้องเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เพราะหากเลือกพรรคอื่นได้พลเอกประยุทธ์แน่นอน แต่ถ้าเลือกเพื่อไทยได้นายกเพื่อไทยแถมณัฐวุฒิ บางคนว่าตนขี้โม้ แม้เป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรีไม่ได้ แต่เป็นคู่ต่อสู้เผด็จการได้

ขณะที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า นโยบายดีๆ มีมาตั้งแต่สมัยไทยรักไทยจนถึงปัจจุบัน ทั้งเรื่องสะพานเชื่อมพัทลุงถึงสงขลา ราคายางที่สูง พร้อมระบุถึงค่าแรง 600 บาท ที่ยืนยันว่าทำได้จริง เพื่อทำให้พี่น้องมีกินมีใช้มีเกียรติมีศักดิ์ศรีและมีเงินเหลือเก็บไม่ใช่หาเช้าแล้วกินค่ำ ขณะที่ปัญหายาเสพติดที่ทำให้ประชาชนสูญเสียลูกหลาน เมื่อเพื่อไทยมายาเสพติดต้องหมดไป ส่วนเรื่องค่าไฟไม่ต้องรอถึงปี 2570 หากเพื่อไทยเป็นรัฐบาลลดทันที สำหรับปัญหาประมงของคนในพื้นที่ภาคใต้ จะมีการเจรจากับอียูเพื่อเร่งแก้ปัญหา

และในช่วงหนึ่ง นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ขอประชาชนอย่าไปฟังคนขี้ฮก (คนโกหก) คู่แข่งของเราขี้ฮกเก่ง และยังขี้ฮกเอานโยบายตั้งแต่พรรคไทยรักไทยไปขี้ฮกประชาชนว่าเป็นของตัวเอง

นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า ในฐานะสะใภ้คนครฯ ขอให้พี่น้องชาวใต้เปิดใจรับพรรคเพื่อไทยไว้ในหัวใจ ทั้งคนทั้งพรรค เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น ก่อนทิ้งท้ายว่า “นุ้ยตั้งใจจริง อย่าทิ้งนุ้ยนะ”

ด้าน นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค กล่าวว่า มาครั้งนี้มีของดีมาให้คนใต้ คือ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ตอนนี้ยังประกาศไม่ได้แต่เชื่อว่าจะเข้าไปอยู่ในหัวใจของพี่น้องชาวใต้ได้ ซึ่งผลสำรวจ คะแนนนิยมในพื้นที่ภาคใต้ครั้งแรก นางสาวแพทองได้คะแนน 13 % แต่เชื่อว่าหลังจากเพื่อไทยลงพื้นที่ครั้งนี้เชื่อ ว่าคะแนนนิยมของเพื่อไทยจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 25%

ขณะที่ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของเพื่อไทยก็คัดสรรมาเป็นอย่างดีว่าจะสามารถทำงานเพื่อประชาชนได้ ซึ่งในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ พรรคเพื่อไทยส่งครบ 58 เขต จะต่อสู่ในสนามเลือกตั้งจนกว่าจะได้รับความไว้วางใจประกอบกับนโยบายของพรรคที่มั่นใจว่าทำได้เพราะเคยทำสำเร็จมาแล้ว ซึ่งครั้งนี้ยิ่งมีความมั่นใจมากว่าเดิมจากวิกฤติประเทศประสบปัญหามา 8 ปี

พรรคเพื่อไทยเชื่อมั่นว่าประชาชนต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับชีวิตและอนาคต จึงขอให้พี่น้องชาวใต้เลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ ต้องชนะอย่างถล่มทลาย ได้ที่นั่ง ส.ส. 250 คน ขึ้นไป เพื่อให้ได้เสียงชนะ ส.ว.หากชนะ ส.ว.ได้ เขาจะยอมก้มหัวให้เรา

จากนั้นได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ ขณะที่นายกฤษ สีฟ้า อดีตส.ส.พังงา สมัยพรรคไทยรักไทย ก็กลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งคนั้งนี้ในนามพรรคเพื่อไทยด้วย