“ศิธา” ชี้ “บิ๊กตู่” อยู่ 8 ปี คนจนใกล้แตะ 20 ล้าน ถ้าอยู่ต่ออีก 4 ปี คนได้จนทั้งประเทศ

น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้อำนวยการคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนา พรรคไทยสร้างไทย ตั้งคำถามถึงรัฐบาลกรณีที่ตั้งเป้าจำนวนผู้ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ(บัตรคนจน) ที่เคยวางกรอบไว้ในช่วงแรกเพียง 10-12 ล้านคน ก่อนจะเพิ่มขึ้นมาเป็น 13.4 ล้านคนในปี 2564 และล่าสุดปี 2565ได้วางกรอบจะให้สิทธิบัตรคนจนไว้ถึง 20 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนเกือบ 1 ใน 3 ของคนไทยทั้งประเทศ



“ไม่รู้ว่ารัฐบาลใช้ตรรกะอะไรในการวางกรอบตัวเลขคนจนไว้ขนาดนี้เพราะภายใต้หลักเกณฑ์ใหม่ที่กำหนดไว้ว่าหากจนไม่จริงจะหมดสิทธิ์เข้าโครงการ แต่แทนที่จำนวนตัวเลขคนจนจะลดลงรัฐบาลกลับตั้งเป้าให้ตัวเลขคนจนสูงขึ้นไปอีกหมายความว่าอย่างไร ที่ผ่านมาไม่ได้นำรายได้ครอบครัวมาเป็นเกณฑ์ในการพิจารณาเพราะต้องการแจกเยอะไว้ก่อน ใครลงทะเบียนก็ได้รับสิทธิ์ตามโครงการ แต่ตอนนี้เอารายได้ครอบครัวมาเป็นเกณฑ์แล้วแต่ทำไมตัวเลขยังสูง แสดงว่าตอนนี้มีคนไทยจนจริง ๆ ถึงเกือบ 1 ใน 3 ของประเทศแล้วใช่หรือไม่ หรือต้องการทำเพื่อหวังผลทางการเมืองกันแน่” น.ต.ศิธา กล่าว



น.ต.ศิธา กล่าวต่อว่า หากพิจารณาตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ผ่านมา ไทยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำที่สุดในอาเซียน แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือการเติบโตทางเศรษฐกิจต่ำกว่าประเทศที่มีรายได้สูงในอาเซียนอย่างสิงคโปร์ อีกทั้งอัตราการว่างงานของไทยเพิ่มสูงขึ้นเป็นร้อยละ 2.25 อัตราการว่างงานของผู้ที่สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.63 สะท้อนให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่ที่จบมหาวิทยาลัยมาต้องตกงานมากขึ้น รวมถึงผู้ว่างงานชั่วคราวที่ไม่รับค่าจ้างเพิ่มขึ้นเป็น 780,000 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง



“แต่แทนที่รัฐบาลจะมุ่งเป้าที่การแก้ไขเศรษฐกิจฐานรากให้มีความมั่นคง ใช้เงินกู้มาสร้างงานให้คนไทยมีรายได้ด้วยตัวเอง แต่เลือกกลืนน้ำลายด้วยการทำโครงการประชานิยม ทั้งที่ตอนแรก พล.อ.ประยุทธ์เองก็แสดงความรังเกียจ แต่ตอนนี้ตัวเองกลับทำยิ่งกว่าคือแจกตรงชาวบ้าน ไม่ได้ผ่านการตั้งกองทุนหมู่บ้านเหมือนรัฐบาลท่านทักษิณ  พล.อ.ประยุทธ์อยู่มา 8 ปี คนจนใกล้จะแตะ 20 ล้านคนแล้ว ถ้าอยู่ต่ออีก 4 ปี คนไทยคงได้จนหมดกันทั้งประเทศ จึงสงสัยว่าบริหารกันยังไงยิ่งแจกยิ่งจน ยิ่งอยู่ยาวเศรษฐกิจยิ่งย่ำแย่”น.ต.ศิธา กล่าว