'ประยุทธ์' ส่งทีมกฎหมายฟังคำวินิจฉัยศาล รธน. ชี้ชะตา 'นายกฯ 8 ปี' 30 ก.ย. นี้

ก่อนศาลรัฐธรรมนูญ จะนัดอ่านคำวินิจฉัยคดี 8 ปีนายกรัฐมนตรี ในวันศุกร์ที่ 30 กันยายนนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสุดท้าย โดยไม่กังวลว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ขณะที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ทีมกฎหมายไปรับฟังคำวินิจฉัยแทน

พลตรีวิระ โรจนวาศ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าทีมกฎหมาย เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 30 กันยายนนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มอบหมายให้ทีมกฎหมายไปฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยพลตรี วิระ จะเป็นตัวแทนของพลเอกประยุทธ์ ซึ่งให้รอฟังคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่นัดหมายคู่กรณีในเวลา 15.00 น.

ขณะที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้าย ก่อนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระการดำรงตำแหน่งของพลเอกประยุทธ์ ในวันศุกร์นี้

พร้อมเปิดเผยว่า ได้คุยกับพลเอกประยุทธ์ทุกวัน ไม่ได้กังวลอะไร และในวันที่ 30 กันยายน ทั้งสองคนก็ยังทำงานปกติ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร รัฐบาลก็เดินหน้าทำงานปกติ และแม้จะยุติปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว พลเอกประยุทธ์ ก็เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีทุกครั้งผ่านระบบออนไลน์

ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคร่วมฝ่ายค้าน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ยื่นหนังสือต่อป.ป.ช.เพื่อเอาผิดพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพวก โดยกล่าวหา 2 กรณี คือ พลเอกประยุทธ์ กับพวกรวม 7 คน

ประกอบด้วย นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน 3 คน และนักการเมืองอีก 2 คน อนุมัติงบกลาง 2,054 ล้านบาท ผิดวัตถุประสงค์และไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดไว้ ใช้งบประมาณซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นและมิใช่เรื่องเร่งด่วน

การใช้งบประมาณดังกล่าวมิได้เป็นไปตามรายละเอียดที่กำหนดไว้ในทีโออาร์ เช่น เรื่องระยะเวลาการอบรม 2 วัน มีค่าใช้จ่ายพักค้างคืนและค่าอาหาร 4 มื้อ แต่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าอบรมเพียงครึ่งวันและได้อาหารแค่ 1 มื้อ เป็นต้น

และกรณีจัดซื้อถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า หรืออคส. โดยกล่าวหา พลเอกประยุทธ์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ อคส. ปล่อยปละละเลยไม่ติดตามดำเนินการอายัดเงินจำนวน 2,000 ล้านบาท แต่เพิกเฉย ไม่ได้สั่งการใดๆ