เลือกตั้งและการเมือง

ฝ่ายค้าน อภิปรายไม่ไว้วางใจ 'ศักดิ์สยาม' ซุกหุ้น ตั้งนอมินี รับงานคมนาคม

โดย paweena_c

19 ก.ค. 2565

74 views

สำหรับรัฐมนตรี คนที่ 2 ที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ และอาจเรียกได้ว่าถูกเรียงคิวอภิปรายจากส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านมากที่สุด คือนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทั้งในประเด็นที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายกล่าวหาว่ามีการซุกหุ้น และใช้นอมินีมารับงานในกระทรวงคมนาคม รวมถึงประเด็นต่อเนื่องจากที่ดินเขากระโดง และความไม่ชอบมาพากลในการจัดสรรงบประมาณของกรมทางหลวงและโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง หรือ MR-Map ที่อาจทำให้คนไทยต้องแบกหนี้นสูงกว่า 5.7 ล้านล้านบาท


คุณฐปณีย์ เอียดศรีไชย รายงานว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เริ่มต้นที่นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.พรรคก้าวไกล ที่กล่าวหาว่านายศักดิ์สยาม ปกปิดทรัพย์สินส่วนตัว โดยใช้ลูกจ้างเป็นนอมินี นำบริษัทรับงานกระทรวงคมนาคม


โดยไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทแห่งหนึ่งในปี 2539 โดยมี ตระกูลชิดชอบ ถือหุ้น 80% และที่ตั้งสำนักงานก็คือบ้านของ ศักดิ์สยาม ที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อมีตำแหน่งทางการเมืองก็ออกจากการเป็นผู้ถือหุ้น และย้ายสำนักงานในยุค คสช.แต่พบว่า นาย ศักดิ์สยาม ก็กลับมาเป็นผู้ถือหุ้นเกือบทั้งหมดของ ในปี 2558 โดยเพิ่มทุนเป็น 120 ล้านบาทและย้ายที่ตั้งสำนักงานมาที่บ้านหลังใหม่ของตัวเอง กระทั่งในปี 2561 ที่มีข่าวการเลือกตั้ง นายศักดิ์สยามก็โอนหุ้นทั้งหมดไปให้ นอมินีในวันรุ่งขึ้นทันที และย้ายที่ตั้งสำนักงานบุรีเจริญออกจากบ้านของตัวเอง ก่อนรับตำแหน่งรัฐมนตรีเพียง 23 วัน


ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อคนถือหุ้นให้ลูกจ้างมาเป็นนอมินี หรือมีการซื้อขายหุ้นจริง นายศักดิ์สยาม หรือ ผู้ถือหุ้นคนใหม่ ก็จำเป็นต้องยื่นมูลค่าหุ้นส่วนเกินเป็นรายได้เพื่อเสียภาษีหรือหากซื้อขายเท่าราคาทุน นายศักดิ์สยาม ก็ต้องระบุเงินที่ได้จากการขายหุ้นเป็นทรัพย์สินต่อ ปปช. แต่ก็ไม่ปรากฏเงิน 120 ล้านก้อนนี้ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่น ปปช. ในปี 2562


และยังพบว่า บรษัทแห่งนี้ มาเป็นคู่สัญญาในการรับงานของกระทรวงคมนาคมที่ตัวเองเป็นรัฐมนตรี เป็นมูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท และเป็นบริษัที่บริจาคเงินให้พรรคภูมิใจไทย 5 ล้านบาทในปี 2562 และยังพบความผิดปกติเรื่องรายได้ของนอมินีที่พบว่ามีรายได้น้อยมากเพียงเดือนละ 9,000 บาททั้งๆที่เป็นผู้ถือหุ้นบริษัทร้อยล้าน และเกี่ยวข้องกับอีกบริษัทของตระกูลชิดชอบด้วย


ต่อด้วยนายพัฒนา สัพใส ส.ส.จังหวัดสกลนคร พรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายถึงความไม่ชอบมาพากลในการจัดสรรงบประมาณของกรมทางหลวง ในความรับผิดชอบของนายศักดิ์ สยามชิดชอบ ที่พบว่ามีการจัดงบเอื้อประโยชน์ไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ ได้มากกว่า 2 พันกว่าล้าน ที่รวมกับกรมทางหลวงชนบทแล้วพบว่าสูงกว่า 5 พันกว่าล้านบาท จากงบกว่า 1 แสนล้านบาท ได้รับมากกว่าจังหวัดอื่นกว่า 4-5 เท่า โดยเปรียบเทียบความแตกต่างจากจังหวัดอื่น


ขณะที่พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชาติ ได้อภิปรายเพิ่มในประเด็นงบประมาณไปยังจังหวัดบุรีรัมย์มากที่สุด แต่จีดีพีทางเศรษฐกิจอยู่ในสัดส่วนที่ต่ำ น้อยกว่าจังหวัดอุบลราชธานี หรือ ขอนแก่น ที่ได้งบน้อย แต่จีดีพีสูงกว่า ทำให้ตั้งคำถามว่างบไปถึงใครหรือไม่ถึงประชาชนจนถูกประท้วงจากส.ส.บุรีรัมย์ และ พ.ต.อ.ทวี ยังอภิปรายต่อเนื่องในประเด็นการบุกรุกที่ดินเขากระโดง ที่เคยอภิปรายไปหลายครั้ง และประเด็นบริษัทที่ถูกกล่าวหาว่ามีการซุกหุ้นด้วย



ต่อด้วย นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.สใพรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กรณีแผนแม่บทการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองและระบบราง หรือ MR-Map งบประมาณ 5.7 ล้านล้านบาท ที่พบว่ามีความไม่ชอบมาพากลที่จะทำให้เกิดการตัดผู้ใช้กันเอง และจะทำให้การใช้งานเป็นไปโดยไม่เต็มประสิทธิภาพในทุกระบบและทุกเส้นทาง และท้ายสุดอาจกลายเป็นภาระหนี้ให้กับประชาชน



ปิดท้ายด้วยนายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายประเด็นที่ดินเขากระโดง ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวชิดชอบ ที่แม้กรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนที่ดินไปแล้ว แต่ในทางปฏิบัติยังไม่สามารถทำได้แม้เวลาผ่านมา 24 ปีแล้ว ต่างจากกรณีอื่นที่ทำอย่างรวดเร็ว


ส่วนรัฐมนตรีรายที่ 3 ที่ถูกอภิปรายในคืนนี้คือนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกะทรวงแรงงาน เปิดการอภิปรายโดย นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.พรรคพลังปวงชนไทย ที่กล่าวหาว่ามีการปั่นหุ้นหรือไม่ ผ่านบริษัทที่มีชื่อภรรยา ซึ่งนายสุชาติ ได้ลุกขึ้นชี้แจง ยืนยันว่า ไม่ได้นำเงินประกันสังคมไปให้พวกพ้องปั่นหุ้น ที่ผ่านมาได้ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก่อนการเลือกต้ังจริง แต่มีความโปร่งใส เป็นไปตามกฏหมาย



ล่าสุด พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เดินทางออกจากสภาไปช่วงเวลา 20.30 น.โดยยอมรับว่าไม่หนักใจกับการอภิปรายของฝ่ายค้าน เพราะผ่านอะไรมาเยอะ และไม่กังวลกับการอภิปรายพลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดาในวันพรุ่งนี้


ส่วนนอกอาคารรัฐสภา การจัดกิจกรรม ราษฏรแคมป์ปิ้ง จับตาการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้ทางรัฐสภาไม่อนุญาตให้ใช้สถานที่ ผู้จัดกิจกรรมเน้นแนวทางสันติวิธี มีการอภิปรายรัฐบาลนอกสภา และเปิดกล่องให้ประชาชนโหวตไม่ไว้วางใจรัฐบาล ซึ่งรวบรวมจาก 138 จุดทั่วประเทศ พบว่ามีประชาชนร่วมลงมติแล้วกว่า 17,000 คน ซึ่งจะเปิดและทำกิจกรรมไปจนถึงวันที่ 22 กรกฏาคม


คุณอาจสนใจ

Related News