กางผลการลงมติ ร่างงบฯ ปี 66 รัฐบาลชนะท่วมท้น นายกฯมั่นใจเสถียรภาพ เดินหน้าต่อ

จากผลการลงมติรับหลักการในวาระที่ 1 ร่างกฏหมายงบประมาณปี 2566 ที่มีเสียงเห็นด้วยมากถึง 278 เสียง มากกว่า 194 เสียง โดยพรรคเศรษฐกิจไทย ไม่แตกแถว อยู่ฝั่งรัฐบาล ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายค้าน 12 คะแนนเทให้รัฐบาล เป็นกลุ่มเดิมที่เตรียมย้ายพรรค



สำหรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ที่สภาผู้แทนราษฎร มีมติรับหลักการด้วยเสียง 278 เสียง ไม่รับหลักการ 194 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ถือเป็นคะแนนที่ท่วมท้นในส่วนของรัฐบาล เพราะมากกว่าคะแนนเสียงที่มีอยู่จริงของ ส.ส.พรรครวมรัฐบาล จำนวน 269 เสียง ส่วนฝ่ายค้านก็น้อยกว่าคะแนนเสียงที่มีอยู่จริง 208 เสียง



โดยเสียงที่มากขึ้น 12 เสียง มาจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย 7 คน ประกอบด้วย นายจักรพรรดิ์ ไชยสาส์น นายจาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ นายธีระ ไตรสรณกุล นายนิยม ช่างพินิจ นางผ่องศรี แซ่งจิง นายวุฒิชัย กิตติธเนศวร และนายสุชาติ ภิญโญ อีก 4 เสียงมาจาก พรรคก้าวไกล ประกอบด้วยนายขวัญเลิศ พานิชมาท นายคารม พลพรกลาง นายพีรเดช คำสมุทร และนายเอกภพ เพียรวิเศษ และ นายอนุมัติ ซูสารอ จากพรรคประชาชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายชื่อจะย้ายไปพรรคการเมืองอื่น ในส่วน พรรคร่วมรัฐบาล มีผู้งดออกเสียง 2 คน ทำให้คะแนนเสียงต่างกันอยู่ 9 เสียง และมีไม่เห็นด้วย 1 เสียง จากพรรคเศรษฐกิจใหม่



ส่วนพรรคเศรษฐกิจไทยของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่มี ส.ส.16 คน พบว่าไม่แตกแถว ยกมือรับหลักการร่างงบประมาณ 66 ทุกคน เช่นเดียวกับ ส.ส.กลุ่ม 16 ก็รับหลักการ



ขณะที่การตั้งกรรมาธิการ 72 คน จากสัดส่วนของคณะรัฐนตรี มี นายไผ่ลิกค์ ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ร่วมด้วย ส่วนสัดสวนพรรคการเมือง มีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ จากพรรคก้าวไกล และ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร จากพรรคเสรีรวมไทยด้วย มีเวลาแปรญีตตืใน 30 วัน



คะแนนเสียงรับหลักการที่ได้รับทำให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าสบายใจที่ผ่านไปได้ จะได้เดินหน้าทำงานต่อไป และสะท้อนถึงเสถียรภาพของรัฐบาลที่ต้องทำให้เหนียวแน่นขึ้น