เลือกตั้งและการเมือง

นายกฯ มั่นใจเสียงหนุน "ร่าง พ.ร.บ.งบฯ 66" เมินฝ่ายค้านประกาศคว่ำ ชำแหละเนื้อหาส่อโกง

โดย pattraporn_a

31 พ.ค. 2565

62 views

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณางบประมาณปี 66 วันแรก ผู้นำฝ่ายค้าน ประกาศคว่ำร่างงบประมาณนี้เพราะรัฐบาลไม่มีความชอบธรรมในการบริหารงาน เปิดทางให้เป็นงบประมาณที่จัดทำโดยรัฐบาลใหม่ ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า การจัดทำงบประมาณเหมาะสม และเชื่อว่าต้องได้รับเสียงสนับสนุน


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏร ที่มีวาระในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 โดยยืนยันว่า กรอบวงเงินงบประมาณ 3,185,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2565 จำนวน 85,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.74 ถือว่าเหมาะสมในการขับเคลื่อนประเทศและฟื้นฟูเศรษฐกิจ สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน โดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทาง ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้า โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางและผู้ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 ยืนยันการเงินยังมีเสถียรภาพ คณะกรรมการนโยบายการเงิน จึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องที่ร้อย 0.50


นอกจากนี้ สถานะการเงินด้านการต่างประเทศของไทยในปัจจุบันอยู่ในเกณฑ์ดี มูลค่าเงินสำรองระหว่างประเทศ จำนวน กว่า 2.3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นประมาณ 3.15 เท่าต่อหนี้ต่างประเทศ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง


ขณะที่ นายแพทย์ ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าฝ่ายค้าน จะไม่รับหลักการร่างงบประมาณฉบับนี้ เนื่องจากไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ์ ให้บริหารงบประมาณ เพราะที่ผ่านมาพบว่า ล้มเหลวในการบริหาร ทำให้เกิดหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน และหนี้เสีย ทางออกคือต้องเปลี่ยนผู้นำ ให้พรรคเพื่อไทยได้มาเป็นแกนนำรัฐบาลจัดทำงบประมาณใหม่ ยืนยันว่าดีกว่าฉบับนี้ ที่จัดสรรแบบเจอทางตัน เป็นงบส่อเอื้อประโยชน์ และ ส่อโกง ที่ไม่สามารถให้ผ่านการพิจารณาไปได้


ส่วน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล ชี้แจงเหตุผลที่ไม่รับหลักการงบประมาณปี 2566 ต้องเป็นงบประมาณที่ต้องใช้ฟื้นฟูประเทศ จากสถานการร์โควิด โดยเฉพาะโครงสร้างงบประมาณของประเทศ ในการใช้ภาษีของประชาชนเรียกว่าช้างป่วยที่ปรับตัวไม่ได้เนื่องจากรายได้ผันผวน ส่งผลต่อการกู้ที่หลุดกรอบ จากรายได้ที่ประมาณการจัดเก็บ 2.49 ล้านล้านบาท ในขณะที่มีรายจ่าย กว่า 3.18 ล้านล้านบาท ทำให้จะต้องกู้อีก 6.95 แสนล้านบาท และยังไม่สามารถจัดเก็บรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังไม่ได้สัดส่วนกับการพัฒนาประเทศ


ตลอดการอภิปรายของ ส.ส.ฝ่ายค้าน นายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นมาชี้แจงหลายครั้ง จึงให้ส.ส.กลับไปอ่าน ร่างกฏหมายงบประมาณให้ชัดเจน สำหรับงบประมาณ อันดับที่หนึ่ง คือ งบกลาง 5.9 แสนล้านบาท รองลงมา คือ กระทรวงศึกษาธิการ 3.259 แสนล้านบาท ,กระทรวงมหาดไทย 3.255 แสนล้านบาท ,กระทรวงการคลัง 2.85 แสนล้านบาท , กระทรวงกลาโหม 1.97 แสนล้านบาท แต่ลดจากงบฯปี65 จำนวน 4.3 พันล้านบาท กระทรวงคมนาคม 1.8 แสนล้านบาท, รัฐวิสาหกิจ 1.62 แสนล้านบาท กระทรวงสาธารณสุข 1.56 แสนล้านบาท และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 1.26 แสนล้านบาท ส่วนกระทรวงพลังงาน ได้รับงบประมาณน้อยที่สุด 2.7 พันล้านบาท


ขณะที่การผ่านร่างงบประมาณในวาระที่ 1 จะไม่เคยปรากฏว่าไม่ผ่านความเห็นชอบของสภาฯ เพราะเป็นกฏหมายการเงินสำคัญ แต่มีการจับตาว่าจะมีการใช้โอกาสนี้ในการกดดันไปยังนายกรัฐมนตรี ที่ต้องแสดงความรับผิดชอบ โดยเสียงของ สภาฯ ขณะนี้มี 477 เสียง เป็นฝ่ายรัฐบาล 269 เสียง ฝ่ายค้าน มี 208 เสียง โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ เชื่อว่าไม่มีปัญหา โดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยทั้งหมดแล้ว ทั้งพรรคเศรษฐกิจไทย พรรคเล็ก และกลุ่ม 16 เสียง จึงเชื่อว่าไม่มีปัญหา

คุณอาจสนใจ

Related News