กกต.เช็กความพร้อมก่อนเปิดรับสมัครผู้ว่าฯ กทม.พรุ่งนี้ ย้ำห้ามมีขบวนแห่

วันพรุ่งนี้ (31 มี.ค. 65) จะมีการรับสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร วันแรก ทางกรุงเทพมหานคร เตรียมสถานที่ไว้พร้อมแล้ว และแจ้งเตือนผู้สมัครห้ามกระทำผิดกฏหมายเลือกตั้ง โดยขณะนี้มีผู้เปิดตัวจะสมัครผู้ว่าฯ กทม.แล้วอย่างน้อย 11 คน



สถานที่เปิดรับสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และ สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร หรือ ส.ก. จะมีขึ้นที่ อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร2 ดินแดง และเป็นไปตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19



นายเฉลิมพล โชตินุชิต รองปลัดกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายสำราญ ตันพานิช ผู้อำนวยการกกต.กทม เปิดเผย ขั้นตอนการรับสมัคร เมื่อผู้สมัครมาถึงพื้นที่จะมีรถรับส่ง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยเข้าได้เฉพาะผู้สมัคร และผู้ติดตาม 1 คนเท่านั้น หากผู้สมัครมาก่อนเวลา 08.30 ถือว่ามาพร้อมกัน ต้องมีจับสลาก โดยแบ่งเป็น 2 โซน คือส่วนของผู้ว่าฯกทม และส.ก. ซึ่งในส่วนของส.ก. หากตกลงกันไม่ได้ต้องจับสลาก เป็นรายเขต เริ่มที่ เขตพระนคร โดยแต่ละเขตจะใช้เวลา 3-5 นาที



สำหรับกองเชียร์สามารถให้กำลังใจผู้สมัครได้ภายนอกอาคารไอราวัตพัฒนา บริเวณลานพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ โดยขอให้ผู้ที่เดินทางมาทุกคน ผ่านระบบคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ สแกน QR Code ไทยชนะ ก่อนเข้างาน และสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในพื้นที่



หลักเกณฑ์สำคัญในการติดป้ายหาเสียง สามารถติดได้ที่โรงเรียนในสังกัด กทม.และหน่วยงานในกทม. ติดป้ายได้ พื้นที่ละ 1 แผ้น ห้ามติดป้ายบริเวณผิวการจราจร เกาะกลางถนน สะพานลอยเดืนข้าม รวมถึงรั้วและแผงเหล็กริมถนน หรือป้ายประกาศของทางราชการ ติดได้ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม จนถึงเวลา 18.00 น. ของวันสุดท้าย ก่อนวันเลือกตั้ง 22 พฤกษภาคม จนถึงขณะนี้ยังไม่มี การร้องคัดค้านเรื่องการติดป้าย และต้องย้ำเรื่องการทำผิดกฏหมาย เช่นการละเล่นและมหรสพ รวมถึงห้ามข้าราชการการเมือง ส.ส. ผู้บริหารท้องถิ่นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่สามารถช่วยผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.และผู้สมัคร ส.ก.หาเสียงเลือกตั้งตามมาตรา34 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งสมาชิกท้องถิ่น



ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ก็แจ้งเตือนเรื่อง การขาดคุณสมบัติที่มีโทษทางอาญาซึ่งที่ผ่านมามีผู้ถูกดำเนินคดีกว่า 1,000 ราย แต่เมื่อสมัครแล้วไม่สามารถถอนการสมัครได้ และในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา พบว่า คดีเกี่ยวกับการสัญญาว่าจะให้ผลประโยชน์ และขนคนไปเลือกตั้ง มีมากที่สุด ซึ่งทั้ง2กรณีนี้โทษสูงตัดสิทธิเลือกตั้ง20ปี อีกทั้งกฎหมายจะเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถแจ้งเบาะแส หากพบมีความผิดจริง ก็จะมีเงินรางวัลให้สูงสุด ถึง 100,000 บาท



ส่วนการซื้อเสียงย้ำว่าตามกฎหมายผิดทั้งคนให้ และคนรับ มีอัตราโทษพอๆกัน คุกสูงสุด ถึง10ปี ปรับถึง 1 แสนบาท และที่ผ่านมา กกต.มีการดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง อยู่ระหว่างทยอยส่งศาลอีกนับร้อยคน จึงขอเตือนประชาชนให้ระวังอย่าคิดว่าคนรับจะไม่มีความผิด



สำนักข่าวสามารถจัดทำโพลคะแนนนิยมของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.หรือจัดทำโพลที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งได้ โดยขอให้เป็นโพลตามหลักวิชาการที่เชื่อถือได้ แต่ช่วง 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง ห้ามเผยแพร่โพลเลือกตั้งหรือโพลที่จะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในการเลือกตั้ง ไม่เช่นนั้นจะผิดกฎหมาย อย่างไรก็ตาม สื่อสามารถทำเวทีดีเบตได้ แต่ขอว่า อย่าเชียร์ผู้สมัครบางคนจนออกนอกหน้า หลักวิชาชีพเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น แต่หลังจากเวลา 18.00 น.ของวันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคมที่ห้ามผู้สมัครหาเสียงแล้ว สื่อก็ต้องระวังในการนำเสนอข่าวเชิงวิเคราะห์ผู้สมัครด้วยเช่นกัน