สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 6 ม.ค.66 ซัดงบเปลี่ยนป้ายสถานีบางซื่อ-รุมกระทืบพ่อค้ากลางตลาด-แมทเคลียร์ใจอั้ม

โดย thichaphat_d

6 ม.ค. 2566

67 views

-เปิดศึกกลางตลาดสดบางใหญ่ ชายฉกรรจ์รุมกระทืบพ่อค้าขายอาหารทะเล สลบเหมือด ปมจัดระเบียบแผงหน้าร้าน หนำซ้ำตามไปดักที่โรงพยาบาล จนกู้ภัยต้องพาหนี ผวาประกาศเซ้งร้าน หวั่นอิทธิพล ขณะที่คู่กรณีถูกแทงบาดเจ็บ เล่าหนังคนละม้วน อ้าง ไม่ได้รุมทำร้าย แต่ถูกกระทำ แค่เข้าไปถาม กลับถูกแทงสวน

-แฉไม่หยุด ชูวิทย์ปล่อยคลิปผับจินหลิง อ้างแบ่งยา กันจะๆ ตักใส่ถุง ชั่งน้ำหนัก ตั้งโต๊ะแถลงจัดหนัก ถือตะเกียงนำทาง เปรียบประเทศอยู่ในความมืดมิด ไร้แสงสว่าง จวกผู้นำเมินคดีตู้ห่าว สนใจแต่เรื่องตัวเอง พร้อมฝากเทียนให้ ผบ.ตร. และอัยการ ซัด นั่งเทียนเขียนสำนวน เก็บหลักฐานแบบเว้นวรรค ไม่แน่นหนา

เปิดพยานปากเอก คนเบิกเงินตามคำสั่ง วันหนึ่งเบิกเงินสดประมาณ 20-30 ล้านบาท พร้อมแฉธุรกิจตู้ห่าว เอี่ยวหลาน บิ๊กตู่  เตรียมดันทุนจีนสีเทาอภิปรายกลางสภา ขณะที่หนุ่มใหญ่ น้อยใจกระบวนการยุติธรรม ข้าราชการเอื้อทุนเทาจีน ขู่โดดโทลเวย์ สื่อช่วยเจรจาพาไปหาชูวิทย์

-สาวสุดช็อก ถูกลูกเขยเจ้าของร้านหมูกระทะดัง แม่กลอง แอบถ่ายขณะเข้าห้องน้ำ จิตตก จนต้องปรึกษาจิตแพทย์ เจ้าของร้านอ้าง ลูกเขยเข้าใจผิด คิดว่าเป็นแฟน จึงยื่นกล้องมือถือไปถ่าย เมื่อรู้ว่าไม่ใช่ ก็ตกใจและลบรูปทันที พร้อมปิดร้าน ปรับปรุงห้องน้ำที่เกิดเหตุแล้ว  

-อนุทิน ย้ำมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวทุกชาติเท่าเทียม ชี้ปรับตามสถานการณ์ วอนอย่าตั้งป้อมรับนักท่องเที่ยวจีน อย่าเทียบเคสคนจีนติดโควิดหนีที่เกาหลี ขอให้เชื่อมั่นระบบสาธารณสุขไทยว่ารับมือได้ ยันไม่มีวัคซีนฟรีให้คนต่างชาติ ขณะที่สายการบินจีน แจ้งขอตารางการบินเข้าประเทศไทยคึกคัก ไฟล์ทแรกนำนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทย วันที่ 12 มกราคม นี้

-แมท ภีรนีย์ แจงปมถูกโยงมือที่สาม ไฮโซพก-อั้ม พัชราภา ยอมรับจับมือจริง ไม่ใช่การเดินจูงมือ หรือจับมือถือแขนแบบชู้สาว ยอมรับในความไม่คิดเกินเลย จนเกิดภาพให้เข้าใจผิด เผยเคลียร์ใจอั้มแล้ว ขณะที่สงกรานต์โพสต์ป้อง “ลั่นไปกันใหญ่แล้ว ไม่ได้มีอะไร ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันมานานมาก”


เรื่องเล่าการเมือง

-ยังมีกระแสต่อเนื่อง สำหรับเรื่องการเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ มูลค่า 33 ล้านบาท เมื่อวานมีประเด็นเกี่ยวเนื่องทั้งนอกสภา และในสภา

เริ่มจากนอกสภา เมื่อวาน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติพัฒนากล้า คือ นายแสนยากรณ์ สิงห์วีรธรรม ออกมาแฉว่า ถนนเข้าชุมชนแห่งหนึ่ง คือ ชุมชนโชติวัฒน์ ใต้ทางด่วนประจิมรัถยา ห่างจากสถานีกลางบางซื่อไม่ถึง 2 กิโลเมตร มีสภาพเหมือนหลุมบนดวงจันทร์ สภาพถนนเหมือนแย่พอๆ กับที่ทุรกันดาร ไม่มีการซ่อมแซม ชาวบ้านเดือดร้อนมาเกือบ 10 ปีแล้ว จึงอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหักเงินค่าเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ 33 ล้านบาท มาสัก 1 ใน 3 เอามาทำถนนเส้นนี้ ถนนคงเสร็จไปนานแล้ว

ชาวชุมชนโชติวัฒน์ บอกว่า เกือบ 10 ปีก่อนหน้านี้ ทางเข้าชุมชนเป็นถนนคอนกรีต รถเข้าออกได้ปกติ แต่เมื่อมีการสร้างทางด่วน ทางเข้าออกชุมชนกลายเป็นทางเข้าออกของรถบรรทุกก่อสร้างโครงการ เมื่อทางด่วนสำเร็จเสร็จสิ้น ถนนข้างล่างกลายเป็นหลุมเป็นบ่อกว่า 1 กิโลเมตร ชาวบ้านเดือดร้อนมาก เข้าออกลำบาก ยานพาหนะของคนในชุมชนเสียหาย เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง แท็กซี่ไม่กล้าเข้าชุมชน ไปร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็โยนกันไปโยนกันมาไม่มีใครรับผิดชอบ



-ส่วนในสภา ส.ส.ฝ่ายค้าน มีการตั้งกระทู้ถามถึงเรื่องการใช้งบประมาณ เปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ มูลค่า 33 ล้านบาทด้วย

คนที่ตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้ คือนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล มีรัฐมนตรี ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มาตอบกระทู้ด้วยตัวเอง

ส.ส.จิรัฏฐ์ ตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าของการใช้งบประมาณ ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ไปจ้างเอกชนเปลี่ยนป้ายถึง 33 ล้าน ว่า แพงเกินไปหรือเปล่า ส่วนตัวดูยังไงก็เป็นแค่ป้ายไฟธรรมดา ราคาไม่น่าจะถึง 33 ล้านบาท เป็นการใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายเกินไป

อีกประเด็น ที่ ส.ส.จิรัฏฐ์ ตั้งคำถามคือ บริษัทที่มารับงานไป ก่อนหน้านี้ บริษัทนี้เคยพิพาท ฟ้องร้อง กับการรถไฟแห่งประเทศไทย มีการแก้แบบงานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อไปเพิ่มให้เอกชนรายนี้แต่ไม่ยอมจ่ายเงินตามเวลา ซึ่งบริษัทนี้ก็เพิ่งจะชนะคดีไป ถึง 7,500 ล้านบาท

แต่พอจะเปลี่ยนป้าย กลับมาว่าจ้างรายเดิมอีก ทั้งที่ฟ้องกันเกือบหมื่นล้าน จึงตั้งข้อสังเกตว่าการรถไฟฯ ตั้งใจจะแพ้คดีหรือเปล่า

ทางด้าน รัฐมนตรี ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ชี้แจง ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคม ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ สั่งตรวจสอบแล้ว กำหนดเวลาไว้ 15 วัน ถ้าผลสอบว่าผิดปกติจริงก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ส่วนที่ถามว่า 33 ล้านบาทแพงเกินไปมั้ย "ผมยังไม่ยืนยันนะเพราะผมไม่ใช่คนกำหนดราคา"

ส่วนเรื่องที่ต้องไปจ้างบริษัทเดิม ที่เคยฟ้องร้องกันมาก่อน รัฐมนตรีศักดิ์สยาม บอกว่า ก็เพราะ มันอยู่ระหว่างประกันสัญญา จำเป็นต้องว่าจ้างรายเดิม เพราะถ้าเกิดความเสียหายระหว่างก่อสร้างก็มีประกันสัญญาเดิมคุ้มครองไว้

ส่วนเรื่องคดีฟ้องร้อง 7,500ล้าน ที่ ส.ส.จิรัฏฐ์ อ้างรัฐมนตรีศักดิ์สยามบอกว่า จริงๆคดียังไม่จบ ยังไม่ถึงที่สุด การรถไฟยังสามารถอุทธรณ์ได้ มันคนละเรื่องกัน


-พูดถึงประเด็นเรื่องงบปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ นอกจากมีการตั้งกระทู้ในสภา อีกด้านเมื่อวานนี้ นายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม ก็เดินทางไปยื่นให้ “สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน” เข้าไปตรวจสอบแล้ว

นายแพทย์ วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี เดินทางไปยื่นหนังสือต่อสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน หรือ สตง. ให้ตรวจสอบกระบวนการว่าจ้างเอกชนเปลี่ยนป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 33 ล้านบาทเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลหรือไม่

นายแพทย์วรงค์ ระบุว่า สิ่งที่ประชาชนตั้งข้อสังเกต คือ ทำไมถึงราคาแพง เพราะตั้งงบประมาณกลางไว้ 34 ล้านบาท แต่มีการชี้เฉพาะเจาะจงที่ราคา 33 ล้านบาท จึงตั้งคำถามว่าเป็นการเอื้อประโยชน์หรือไม่

พร้อมเรียกร้องไปถึง นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ว่าควรสั่งระงับโครงการ ระหว่างรอผลการตรวจสอบ

นอกจากนี้ ยังมีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ไปยื่นให้ สตง.ตรวจสอบเช่นกัน ก็ย้ำถึงข้อพิรุธ จากการที่การรถไฟฯ ใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างด้วย “วิธีเฉพาะเจาะจง” ทำให้ไม่เปิดโอกาสให้มีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม ว่าอาจเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายฮั้วประมูล



-กรณีที่มีข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ วันที่ 9 ม.ค.นี้ เมื่อวานนี้ผู้สื่อข่าวไปสอบถามเรื่องนี้กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งท่าน ก็ให้กำลังใจ แต่ ไม่กล้าให้คำแนะนำ ก็เปรียบเปรย บอกว่า “ไม่บังอาจสอนจระเข้ว่ายน้ำ”

นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็บอกว่า ให้กำลังใจ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ วันที่ 9 ม.ค.นี้

พร้อมหัวเราะ หลังถูกถามว่า ในฐานะที่เป็นนักการเมือง มีอะไรจะบอกให้นายกรัฐมนตรีระวังหรือไม่ โดย นายอนุทิน ออกตัวว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักการเมืองตั้งแต่วันแรกที่เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว “เราต้องบอกว่า อย่าบังอาจสอนจระเข้ให้ว่ายน้ำ”

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพรรคภูมิใจไทยได้ ส.ส. มากกว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะหลีกทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า “เอาไว้ให้ถึงวันนั้นก่อน และก็บอก หน้าที่ของตน คือ คิดนโยบาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชน”

พูดถึงท่านนายกฯ วันนี้ มีกำหนดลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี ก็ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งที่ 2 หลังจากประกาศตัวชัดเจนว่าจะเข้าสังกัดพรรคพรรครวมไทยสร้างชาติ

คุณอาจสนใจ

Related News