สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 29 ก.ค.65 จับตาสูตรหาร 500-พบชายไทยติดเชื้อฝีดาษลิง-พนง.ร้านแอบถ่ายใต้กระโปรง

โดย thichaphat_d

29 ก.ค. 2565

46 views

-พบผู้ป่วยฝีดาษลิงรายที่ 2 ของประเทศ เป็นชายไทย อายุ 47 ปี มีเพศสัมพันธ์กับชายชาวต่างชาติ พบตุ่มหนองขึ้นที่อวัยวะเพศ ลามขึ้นแขนขา ใบหน้า ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ รักษาที่โรงพยาบาลวชิรพยาบาล แต่อาการไม่รุนแรง เร่งสอบสวนโรคมีผู้สัมผัสร่วมบ้าน 10 ราย อยู่ระหว่างตรวจเชื้อ และให้สังเกตอาการ 21 วัน

-2 เด็กชาย สารภาพ น้องอ้วน วัย 6 ขวบจมน้ำเสียชีวิตเอง ไม่ได้มีนายแต ชายขี้เมาแถวบ้านจับกดน้ำ ตามที่ให้การครั้งแรก เหตุที่โกหกเพราะกลัวแม่ดุที่แอบไปเล่นน้ำทั้งที่ถูกห้าม ส่วนแม่ไม่ติดใจการเสียชีวิต ด้านนายแต รู้สึกงงที่ถูกกล่าวหา เพราะไม่รู้จักเด็กทั้ง 3 ด้วยซ้ำ

-ลูกค้าสาวสุดช็อก ถูกพนักงานร้านสะดวกซื้อ ย่องแอบถ่ายใต้กระโปรง ขณะเลือกซื้อของ แจ้งขอภาพวงจรปิดที่สำนักงานใหญ่ กลับได้คลิปเหยื่ออีกรายเพิ่ม ลุยแจ้งความเอาผิด ด้านผู้ก่อเหตุดอดมอบตัว อ้างทำครั้งเดียว เพราะขาดสติ และเกิดอารมณ์ทางเพศ

-ไรเดอร์หัวร้อน! โวยลูกค้าปักหมุดผิด ทำเสียเวลา ลั่นขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อ พร้อมยกกพวกหวังรุมยำ แต่เจอลูกค้าเก๋ากว่า ควักปืนขู่ ถึงกลับชะงัก เผ่นหนีแทบไม่ทัน พอเป็นข่าวย่องกลับมาขอโทษ จับมือให้อภัยกัน รับอารมณ์ชั่ววูบ  

-กู้ภัยลุยแจ้งความเอาผิด ผู้ช่วยพยาบาลไม่หลีกให้รถกู้ชีพ 2 ข้อหา นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จฯ และหมิ่นประมาท หลังโพสต์วิจารณ์ทำมูลนิธิเสื่อมเสียชื่อเสียง ด้านตำรวจทุ่งสง เตรียมเรียกตัวสอบปากคำ และเตรียมปรับ 1 พัน ความผิดขับรถความเร็วต่ำกว่าคันอื่นแล้วไม่ชิดซ้าย

-ครอบครัวรับศพยายวัย 72 ปี เหยื่อนายออง กลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ท่ามกลางความโศกเศร้า หลานชายเล่าทั้งน้ำตา ผู้ต้องหาชอบพูดจาแทะโลม ลวนลามผู้หญิง เคยมาขอเหล้ากิน ไม่คิดจะก่อเหตุร้ายกับคุณยาย ลั่นไม่มีทางให้อภัย แม้จะขอขมาก็ตาม

-สยามแตก วัยรุ่นแห่ชมภาพยนตร์ "รักแห่งสยาม" ในกิจกรรมหนังกลางแปลง จนล้นพื้นที่ต้องปิดถนน หนังเรื่องนี้ฉายครั้งแรกเมื่อ 15 ปีที่แล้ว มีพระเอกหนุ่ม มาริโอ้ ใส่เสื้อยืดตัวเดิมที่ปรากฏในหนังมาร่วมงานด้วย

-แชร์สนั่นโซเชียล ป้ายค่าโดยสารบนรถสองแถว “อ้วน 10 ครับ ผอม 8 บาท” ทำชาวเน็ตฮา เช็กราคาว่าต้องจ่ายเท่าไหร่  บางรายถามแค่อวบ จ่าย 9 บาทได้ไหม? ด้านคนขับ  เผยเก็บ 8 บาทเท่าเดิม แต่ป้ายนี้ฝีมือนักเรียนเขียนเล่นๆ หวังให้คนขำ แต่ตนขำไม่ออกเพราะน้ำมันแพง วิ่งรถทั้งวันแทบไม่เหลืออะไรแล้ว



เรื่องเล่าการเมือง

- ความชัดเจนเรื่องสูตรคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ แบบหาร500 ที่แม้ว่าจะผ่านการพิจารณาวาระที่2ของสภาไปแล้วสำหรับมาตราดังกล่าว แต่ยังมีวาระ3ที่มีโอกาสกลับไปใช้สูตรหาร100 ได้

หลังจากมีกระแสข่าวว่าพรรคใหญ่ฝ่ายรัฐบาล พยายามจะกลับไปใช้สูตรคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อ แบบหาร100 ตามที่เสนอมาตั้งแต่ต้น แทนการสูตรหาร500 ที่ทำให้พรรคเล็กมีโอกาสกลับเข้ามาในสภานั้น

ล่าสุด นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กรรมการ กกต. และเป็นหนึ่งในกรรมาธิการพิจารณากฎหมายเลือกตั้ง ออกมาบอกถึงความเป็นไปได้ที่จะกลับไปสูตรหาร100 ได้ ตามที่ พรรคเพื่อไทย และพรรคพลังประชารัฐต้องการ

โดยเฉพาะการจับมือยื้อ ร่างกฎหมายไม่ให้ผ่านวาระ3 ได้ทันกรอบ 180วัน ที่จะครบวันที่ 15 ส.ค. นี้ โดยหากไม่สามารถพิจารณากฎหมายได้ทัน สูตรหาร500 ก็จะตกไป และจะต้องกลับไปใช้สูตรหาร 100 ที่มีการเสนอมาตั้งแต่ต้น

อ.สมชัย บอกด้วยว่าการเล่นเกมด้วยวิธีนี้ ทำได้ง่ายไม่เหนื่อย แต่สภาจะเสียศักดิ์ศรีครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ไม่สามารถพิจารณากฎหมายได้ทันเวลา

ด้านนายนิกร จำนง ส.ส. พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการกรรมาธิการ มั่นใจว่าสภาจะสามารถพิจารณากฎหมายทันกรอบ180วัน เพราะการพิจารณารายมาตราวาระสอง ขณะนี้เหลืออีก เพียง 9 มาตรา เท่านั้น และเชื่อว่าไม่มีความพยายามสกัดไม่ให้ผ่านไปได้



- เรื่องของสูตรหาร500 และสูตรหาร100 ที่กำลังถูกจับตา ล่าสุดมีการวิเคราะห์จากนักวิชาการ ว่าสูตรหาร 500 อาจทำให้ พรรคภูมิใจไทย และ พรรคพลังประชารัฐ มีโอกาสไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเลย

รศ.ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี อาจารย์คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้วิเคราะห์เรื่องนี้ โดยชี้ว่าสูตรหาร 500 เอื้อประโยชน์ให้พรรคที่มีความนิยมกว้างขวาง แต่มีโอกาสชนะ ส.ส. เขตน้อย โดยเฉพาะ พรรคเสรีรวมไทย และ พรรคก้าวไกล

ซึ่งพรรคก้าวไกล หากคำนวณด้วยสูตรหาร 100 มีโอกาสได้ ส.ส. ราว 40-45 คน แต่หากหาร 500 อาจได้ ส.ส.มากถึง 89 คน

ส่วนที่หวังว่าสูตรหาร 500 จะเป็นการสกัดพรรคเพื่อไทยในระบบบัญชีรายชื่อนั้น ดร.สิริพรรณ มองว่า พรรคเพื่อไทย ยังมีโอกาสได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กลับมา เพราะอาจจะไม่ได้ชนะเขต ทั้งหมด

โดยระบบนี้ยังทำให้ พรรคเพื่อไทย,พรรคก้าวไกล, พรรคเสรีรวมไทย รวมถึงพรรคประชาชาติ สามารถจับมือกัน ได้ ส.ส. เกินครึ่งสภาผู้แทนราษฎรแน่

อย่างไรก็ตาม ปัญหาความไม่ชัดเจนที่เกิดขึ้น ทั้งหมดนี้ ดร.สิริพรรณ หวังว่า คงไม่ใช่ความพยายามสร้างทางตัน เพื่อหวังกลับไปใช้บัตรใบเดียวแบบการเลือกตั้ง 2562



-กระแสข่าวที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อกลับไปใช้บัตรใบเดียว ซึ่งเรื่องนี้ ก็มีเสียงคัดค้าน แม้ในซีกของพรรคร่วมรัฐบาล

นายนิพนธ์ บุญญามณี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองว่า ไม่มีเหตุผล ที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะวันนี้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบเดินมาไกลกว่าจะย้อนกลับไปใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวแล้ว

ทั้งนี้ ตนไม่มั่นใจว่าเป็นข่าวจริงหรือแค่โยนหินถามทาง จึงขออย่าทำให้กลไกประชาธิปไตยในประเทศถูกด้อยค่า และประชาชนจะขาดความเชื่อมั่นมากขึ้น

ด้านนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย พูดถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่า “เป็นเรื่องที่คิดง่ายแต่ทำไม่ง่าย เพราะเพิ่งมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และยังไม่ได้ใช้อะไรเลย จะย้อนกลับไปจุดเดิม ถามว่าจะตอบคำถามสังคมอย่างไร”

จึงฝากถึงผู้มีอำนาจไปคิดให้ละเอียด ว่าจะกีดกันอย่างไร อย่าทำหลายครั้ง จนสร้างความเสื่อมเสียและทำให้หลักการแก้ไขกฎหมายในสภาถูกย่ำยี เพียงเพื่อเป็นแค่ที่รองรับความต้องการตัวเอง

ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย ยก 2 เหตุผลที่มองว่าเรื่องบัตรใบเดียว จะไม่เกิดขึ้น เพราะเวลาของรัฐสภาที่ไม่พอ และพรรคการเมืองบางพรรคที่อ้างว่า เข้าเป็นรัฐบาลเพราะต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย จะกลายเป็นการแหกตาประชาชน และจะเป็นการฆ่าตัวตายกลางสภา

แต่ทั้งนี้ เชื่อว่าเรื่องนี้มีความพยายามจะทำจริง ซึ่งการกลับไปกลับมาแบบนี้ถือเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตย


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/e-ozfGWAbnA


คุณอาจสนใจ

Related News