สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 6 ก.ค.65 สภาล่มอีกรอบ-เงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ13ปี-โควิดรอบนี้แค่เวฟเล็กๆ

โดย thichaphat_d

6 ก.ค. 2565

47 views

-น้ำมันแพง ดันเงินเฟ้อ มิถุนายนพุ่ง 7.66% นิวไฮรอบ 13 ปีต่อเนื่อง กสิกรไทยคาดยังไปต่อ มองเดือน สิงหาคม พีคสุดเข้าใกล้ 9% เหตุราคาน้ำมันสูง-หลายสินค้าอั้นไม่ไหวทยอยปรับขึ้นราคา

เนื้อไก่แพงโหดราคาพุ่ง กิโลกรัมละ 115บาท สมาคมการค้าผู้ค้าไข่ไทย แจ้งปรับขึ้นราคาไข่ไก่คละหน้าฟาร์ม แผงละ 6 บาท ขึ้นฟองละ 20 สตางค์ วันนี้

ต้นหอม ผักชี แตงกวา พาเหรดขึ้นตาม สุดช้ำใบบัวบก หนีไม่พ้น ขยับราคาขายจากกิโลกรัมละ 15 บาท เป็นกิโลกรัมละ 60 บาท

-อธิบดีกรมควบคุมโรค ชี้โควิดรอบนี้ เป็นเพียงเวฟเล็กๆ มั่นใจระบบสาธารณสุขยังรับได้ แจงข่าวคนล้นโรงพยาบาล เพราะใช้ประกันสุขภาพ

ด้านหมอประสิทธิ์ ฟันธง อีกไม่นาน BA.4 และ BA.5 จะเป็นสายพันธุ์หลัก เชื้อไม่แรงแต่ติดง่าย แนะ ศบค. วางมาตรการ สวมหน้ากากในพื้นที่ปิด

-อดีต พนง. JSL สวมชุดดำ ร้องรัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน ถูกเลิกจ้างไม่เป็นธรรม วอนเร่งรัดบริษัท จ่ายเงินชดเชย 100% เต็ม ไม่เอาแบ่งจ่าย ร่ำไห้ แถลงการณ์บริษัทไม่จริงใจ พร้อมเปิดคลิปเสียง CEO ยืนยันว่าบริษัทจะจ่ายเงินชดเชยเพียง 16 % ไม่พูดถึงการชดเชยส่วนที่เหลือหรือ แบ่งจ่ายเป็นงวด ด้านรัฐมนตรีแรงงาน ยืนยันไม่ทอดทิ้ง จะขอยืนอยู่เคียงข้างเพราะทุกคนคือคนที่ถูกกระทำ

-สุดสลดไฟไหม้ ห้องแถว วอด 6 ห้อง เจ้าของร้านซ่อมเบาะ ถูกไฟคลอกเสียชีวิต 3 ศพ ทั้งพ่อ แม่ ลูก ผู้เห็นเหตุการณ์ เผย เห็นไฟไหม้สายไฟ หน้าบ้าน จากนั้น เปลวเพลิงตกลงใส่เพิงนั่งเล่นหลังคาแฝก ลามเข้าบ้านภายในพริบตา ขณะที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคชี้แจง สาเหตุเพลิงไหม้ ไม่ได้เกิดจากหม้อแปลงระเบิด

-สุดเดือด สาวขับมินิ คูเปอร์ ไม่พอใจ เจ้าของอพาร์ตเมนท์เตือนห้ามจอดรถ ขับพุ่งใส่ ฝ่ายชายฉุนจัด ใช้กำปั้นชกรถ - พร้อมคว้าไม้ไล่ฟาด พยามวิ่งไล่รถ แต่ฝ่ายหญิงขับหนี เจ้าของอพาร์ตเมนต์เข้าแจ้งความ เชื่ออีกฝ่ายเจตนาพุ่งชน หากมาขอโทษก็อยากจบเรื่อง

-ลูกชายวัย 29 คลั่ง เสียสติจากเสพยา กระทืบแม่ป่วยติดเตียง ดับคาบ้าน ยายเผยก่อนก่อเหตุฆ่าแม่ ไล่เตะยายจนต้องวิ่งหนีกลับบ้าน ส่งบำบัดหลายครั้ง แต่แม่ให้ไปรับกลับบ้านก่อนกำหนด เพราะรักและเป็นห่วงลูก สุดท้ายเมาหลอนขอเงินแม่ ทุบศีรษะดับคาบ้าน ก่อนขับรถหนีพุ่งชนต้นปาล์ม ชาวบ้านช่วยกันจับไว้ได้

-หญิงสาวร้องทุกข์ สุดทน เพื่อนบ้านตั้ง คอมเพรสเซอร์แอร์ 8 ตัวพ่นลมร้อนใส่ หน้าบ้าน เดือดร้อน ทั้งคน ทั้งแมว ล่าสุดเพื่อนบ้านรับปากจะรีบย้ายให้ ที่ผ่านมาไม่รู้ว่าจะเดือดร้อน

-จับตัวได้แล้ว จอมโจรกางเกงใน หัวขโมยมือถือร้านไอที ก่อเหตุขโมยทั่วไทย อ้างลักมือถือไปแจกคนจน คนไร้บ้าน สารภาพชอบถอดเสื้อผ้า เหลือกางเกงในตัวเดียว เข้าไปขโมยของ เพราะรู้สึกมั่นใจ รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง


เรื่องเล่าการเมือง

-สภาล่มอีกแล้ว เมื่อวานเป็นการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ซึ่งฝ่ายค้าน พยายามฟ้องว่า ฝ่ายรัฐบาลตั้งใจทำให้กฎหมายคลอดออกมาช้า

โดยที่ประชุมเริ่มการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งในช่วงบ่าย หลังจากช่วงเช้าพิจารณาร่างพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติต่อจากการพิจารณาครั้งก่อน ซึ่งรวมแล้วใช้เวลาประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติไปทั้งหมดถึง 7 ครั้ง

สำหรับร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง เป็นหนึ่งในสองร่างกฎหมายลูกที่ต้องพิจารณาให้เสร็จก่อนจึงจะมีการเลือกตั้งได้ ซึ่งเดิมมีการวางไว้ว่าจะพิจารณาให้เสร็จภายใน 2 วันนี้ 

สาระสำคัญของร่างกฎหมายเลือกตั้ง คือ การแก้สัดส่วน ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อให้เป็นไปตามที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือ ส.ส.เขต 400 คน และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน โดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

ในช่วงแรก การพิจารณาเป็นไปอย่างราบรื่น จนกระทั่งถึงมาตรา 6 ซึ่งนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. และ กรรมาธิการส่วนหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นซีกฝ่ายค้าน แปรญัตติให้เพิ่มเป็นมาตรา 6/3 เรื่องหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โดยให้ใช้หมายเลขเดียวกัน

ช่วงนี้การประชุมต้องสะดุดลง เนื่องจากในรายงานของคณะกรรมาธิการไม่ได้ทำเอกสารส่วนนี้ไว้ ประธานที่ประชุม คือ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา จึงสั่งพักประชุม 15 นาที เพื่อให้กรรมาธิการไปทำเอกสารให้เรียบร้อย แต่สุดท้ายมีการพักประชุมไปถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง

เมื่อเริ่มการประชุมอีกครั้ง นายชวน หลีกภัย ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม ปรากฏว่าเริ่มมีสมาชิกในห้องประชุมบางตา และเมื่อต้องมีการแสดงตนก่อนลงมติ ปรากฏว่าที่ประชุมต้องใช้เวลาถึงประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อรอให้สมาชิกมาครบองค์ประชุม

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีการตกลงกันไว้ว่าจะใช้เวลา 2 วันพิจารณาร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับให้เสร็จ แต่ตอนนี้กลับมีสมาชิกอยู่บางตา และระบุว่าฝ่ายเสียงข้างมากพยายามชะลอการบังคับใช้กฎหมายนี้

ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล คือ นายวีระกร คำประกอบ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เสนอให้ปิดประชุม โดยให้เหตุผลว่า ส.ส.ส่วนหนึ่งเข้าใจว่าเลิกประชุมแล้วตั้งแต่ตอนที่พักประชุมไปชั่วโมงครึ่ง แต่นายชวนยังรอต่อไปจนครบองค์ประชุม

จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณามาตรา 6/3 เรื่องหมายเลขผู้สมัคร และเมื่อจะมีการลงมติ นายชวน ได้กดออดเรียกสมาชิกเข้าห้องประชุมเพื่อแสดงตัว แต่ปรากฏว่าแทบไม่มีสมาชิกมาเพิ่ม

ช่วงหนึ่ง นายชวนพยายามจะเรียกสมาชิกที่อยู่ในห้องอาหารให้มาแสดงตน แต่ก็มี ส.ส.ลุกขึ้นมาบอกว่า ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องอาหารแล้ว

ต่อมา ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลได้ลุกขึ้นมาเสนอให้ปิดประชุมอีก ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายค้านบอกว่านายชวนควรเปิดตัวเลขออกมาเลยว่าครบองค์ประชุมหรือไม่ ที่สุดนายชวน จึงแจ้งว่ายังขาดสมาชิกอีก 100 กว่าเท่านั้น เรียกเสียงหัวเราะจากห้องประชุม และสั่งปิดประชุม

ก็ต้องจับตาการประชุมในวันนี้ต่อ ซึ่งสำหรับร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง นอกจากเรื่องหมายเลขผู้สมัคร ส.ส.เขต กับ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะเป็นหมายเลขเดียวกันหรือไม่ ประเด็นสำคัญอีกเรื่อง คือสูตรการคำนวณการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าจะหารด้วย 100 คือจำนวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือหารด้วย 500 คือ จำนวน ส.ส.ทั้งหมด

นอกจากนี้ที่ประชุมจะสามารถพิจารณาร่างกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับให้เสร็จในวันนี้ได้หรือไม่ หรือจะต้องล่าช้าออกไปอีก



-ควันหลงจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อกระแส "ชัชชาติฟีเวอร์" โดยเฉพาะจากการให้สัมภาษณ์ของนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่พูดถึงกระแสชัชชาติฟีเวอร์ว่า เป็นฟีเวอร์เฉพาะพื้นที่ กทม. และเปรียบเทียบการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ด้วย โดยตั้งคำถามว่า นายชัชชาติมีผลงานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอัน ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีผลงานหลายอย่าง และ เก่งที่สุดในโลก

เมื่อวาน นายสุชาติ ยอมรับว่า โดนทัวร์ลงจากการแสดงความเห็นดังกล่าว แต่ยืนยันว่าพูดความจริง แต่อาจจะไม่ถูกใจใคร และไม่กังวลที่ถูกทัวร์ลง แถมกล่าวติดตลกว่า "ทัวร์ลงก็ดี ตลาดหนองมนจะได้ขายข้าวหลามเยอะๆ"

อย่างไรก็ตาม ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อวานนายสุชาติใช้สรรพนามเรียกนายชัชชาติเปลี่ยนไปจากเดิม คือ เรียกว่า "พี่ชัชชาติ" และบอกว่ารู้จักกันมาตั้งแต่ปี 2554

ส่วนผู้ว่าฯชัชชาติเอง เมื่อวานได้ตอบผู้สื่อข่าว ถึงมุมมองส่วนตัว ต่อกระแสชัชชาติฟีเวอร์ต่อเนื่อง แม้ทำงานเกิน 1 เดือนแล้ว ว่า "ไม่มีอะไร อยากจะให้ฟังความเห็นที่ต่างกันเยอะๆ / คนไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร / ยินดีรับฟังคำติมากๆจะได้ปรับปรุง และอยากเปลี่ยนฟีเวอร์แบบนี้ ให้เป็นความร่วมมือ เพื่อช่วยกันทำเมืองให้ดีขึ้น


-ปมดราม่า ไอเดียแก้ปัญหาพลังงาน ของรองนายกรัฐมนตรี สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ที่เสนอให้ ส.ส. - ส.ว. ถอดสูท ปรับอุณหภูมิแอร์ เพื่อเป็นแบบอย่างในการประหยัดพลังงาน โดยหลังจากมีการเสนอไอเดียออกไป ก็กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของหลายฝ่าย

อย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ในนามคณะหลอมรวมประชาชน ที่ไปร้องเรียนปัญหาพลังงานที่ทำเนียบรัฐบาล ก็พูดถึงข้อเสนอของ นายสุพัฒนพงษ์ ว่า รู้สึกหดหู่ใจ และมองว่าต่อให้แก้ผ้ามาประชุม ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาได้

ด้าน ส.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าปัญหาพลังงาน เกิดจากการบริหารผิดพลาด ของนายสุพัฒนพงษ์ และรัฐบาล แทนที่จะแก้ไขภาพรวมทั้งประเทศ กลับมาแก้ทีละจุดๆ แก้ให้ผ่านๆไป

เช่นเดียวกับ ส.ส.รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล มองว่าไอเดียดังกล่าว ไม่ได้ช่วยให้เงินในกระเป๋าของประชาชนเพิ่มขึ้น ซึ่งหากนายสุพัฒนพงษ์ คิดได้แค่นี้ก็ควรยื่นไปลาออก

ขณะที่ คุณจงเดือน สุทธิรัตน์ ที่ปรึกษาด้านระบบงานนิติบัญญัติ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ยืนยันว่า รัฐสภา มีมาตรการประหยัดพลังงาน อยู่แล้ว ภายใต้นโยบายรัฐสภาสีเขียว เช่น การเปลี่ยนเวลาเปิดแอร์ จากเดิมที่เปิด ในเวลา ตี 5 ก็ได้ขยับมาเปิดในเวลา 7 โมงเช้า แทน

ขณะเดียวกันยังมีการควบคุมการใช้แอร์บริเวณทางเดิน รวมถึงระบบไฟส่องสว่างต่างๆ เพิ่มการ ใช้ระบบโซล่าเซลล์เข้ามาช่วยด้วย


รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/dvNzDxUPIyE

คุณอาจสนใจ

Related News