สรุปข่าว

เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 15 มิ.ย.65 ครูโอ๊ะปัดตอบสื่อ-ทีมคุณแม่เริ่มแตกคอแล้ว-ออกหมายจับมือฆ่าโหดที่ไต้หวัน

โดย thichaphat_d

15 มิ.ย. 2565

69 views

-ชัชชาติ กังวลปลดล็อคกัญชา มีคนเข้าโรงพยาบาลในสังกัด แล้ว 4 ราย เสียชีวิต 1 ราย เตรียมประกาศโรงเรียน กทม. ปลอดกัญชา

ด้าน ผอ.สำนักการแพทย์ กทม. ชี้แจงชายวัย 51 ปี เสียชีวิตจากเหตุหัวใจล้มเหลว แต่เสพกัญชา ก่อนเข้าห้องฉุกเฉิน 2 ชม. ยังไม่ฟันธงว่ามาจากเสพกัญชาเกินขนาด เพราะไม่ได้ผ่าชันสูตรศพ ส่วนชายวัย 16 ปี เสพกัญชาร่วมกับยาเสพติด ขณะนี้รักษาตัวในไอซียู

ขณะที่อนุทินโต้เดือด เสพกัญชาเกินขนาด ไม่ใช่เพิ่งเกิด เตือนตลอดว่าการสูบ-เสพ-ปุ๊น ไม่ใช่เรื่องที่ดี ขออย่าดึงเป็นประเด็นการเมือง อัดคนปล่อยข่าวหวังผล

-อุทาหรณ์ สาวกินต้มมะระ ผสมกัญชา ยังไม่ทันข้ามคืน เกิดอาการแพ้หนัก เวียนหัว คลื่นไส้ คอแห้ง คอบวม กลืนน้ำลายลำบาก จนต้องเข้าโรงพยาบาล ผ่านไป 3 วัน ยังคลื่นไส้ คอแห้ง ขณะที่ชมรมแพทย์ชนบท รวมพลังขึ้นป้ายเตือนประชาชน หน้าโรงพยาบาล ให้ใช้กัญชาอย่างระมัดระวัง

-ส.ส เต้ ไลฟ์แจงอัจฉริยะ ใช้เอกสารเก่า ชิงฟ้องคดีแตงโม มาตรา288-289 เจตนาฆ่า แต่แม่แตงโมจะฟ้อง มาตรา290 ไม่เจตนาฆ่า แต่ทำร้ายจนเป็นเหตุให้ถึงความตาย ด้านแม่เผย ใช้ไม่ได้นิสัยแบบนี้ ฉกฉวยเอกสารไปฟ้อง ขอยกเลิกเอกสารมอบอำนาจทุกฉบับให้นายอัจฉริยะ พร้อมขอเอกสารคดีคืน ภายใน7วัน

ด้านอัจฉริยะ ขึ้นโรงพัก ลงบันทึกประจำวัน ชี้ ส.ส.เต้ ทำหนังสือยกเลิกมอบอำนาจ ไม่ถูกต้อง ตอนนี้ศาลประทับรับฟ้องแล้ว หากมีทนายคนใหม่มาทำคดี จะยื่นฟ้องมรรยาททนายความ

-คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน วุฒิสภา นำผ้าขาวปริศนา ที่ถูกส่งมาจากสหรัฐอเมริกา มาให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์หาดีเอนเอและคราบเลือดว่าเป็นของแตงโมจริงหรือไม่ เบื้องต้นพบมีลิ่มเลือด เส้นผม ดิน และใบไม้ คาด 1เดือน รู้ผล

-ศาลออกหมายจับสันติ มือฆ่าสามีภรรยาคนไทย ที่ไต้หวัน ตำรวจชี้ หากพบตัว ดำเนินคดีในไทยทันที ส่วนมูลเหตุ-ผู้ร่วมก่อเหตุ ปล่อยให้ทางการไต้หวันสอบข้อเท็จจริง สั่งเฝ้าระวังชายแดน เชื่อยังอยู่ในพื้นที่ ด้านพ่อ ผู้ต้องหา เปิดบ้านแสดงความบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยช่วยลูกหนี เผยยังไม่เชื่อลูกทำ วอนมอบตัว พูดความจริงสู้คดี

-ปวีณาพาครอบครัวเด็กนักเรียนหญิง 3 คน ร้องตำรวจ หลังถูกคนขับรถตู้นักเรียน กระทำอนาจาร หลังผู้ก่อเหตุได้ประกัน ผ่านมา 1 ปี คดีไม่คืบ ซ้ำยังโผล่มาขอไกล่เกลี่ยแม่เด็ก ล่าสุดตำรวจเพิกถอนการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน คุมตัวส่งฝากขังศาลทันที

-นักตบลูกยางสาวไทยโชว์ฟอร์มแกร่ง ชนะ แคนานาม 3 เซตรวด ในศึกวอลเลย์บอลหญิงเนชั่นส์ ลีกสนามสอง ทั้งที่ลงแข่งได้เพียง 10 คน เพราะมีทั้งติดโควิด ทั้งป่วย แต่ไม่ถอดใจ เล่นได้ตามแผน นักตบสาวเปิดใจ เล่นเต็มที่ “สู้เพื่อเพื่อนที่ไม่ได้ลงแข่ง ถึงจะมีแค่นี้ แต่จะไปให้ไกลที่สุด”



เรื่องเล่าการเมือง

-หลังจากไม่ปรากฎตัวกับสื่อ นับตั้งแต่วันที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกรณีออกเอกสารสิทธิทับพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เมื่อวานนี้เป็นครั้งแรกที่รัฐมนตรีกนกวรรณ ได้เจอผู้สื่อข่าว แต่ปฏิเสธตอบทุกคำถาม ระบุเพียงว่า “อยู่ในกระบวนการยุติธรรม”

เมื่อวานนี้ นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งอยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีข้อหาสนับสนุนเจ้าพนักงานให้กระทำทุจริตกรณีการออกเอกสิทธิที่ดิน คือ โฉนด ทับพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ตามที่ ป.ป.ช. ชี้มูล เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีตามปกติ

ซึ่งภายการประชุม แม้นางกนกวรรณ จะเดินเลี่ยงออกมาทางประตูเล็กด้านข้างตึกสันติไมตรี แต่ก็ไม่พ้น และถือเป็นการปรากฎตัวครั้งแรก

โดยผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามทั้งเรื่องคดีและการลาออก แต่นางกนกวรรณ ระบุเพียงว่า ช่วงนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม รวมทั้งปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าได้ติดต่อกับบิดา คือ นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือไม่ ซึ่งตลอดที่ผู้สื่อข่าวพยายามสัมภาษณ์ รัฐมนตรีกนกวรรณ ใช้วิธียกมือไหว้แทนคำตอบ

ขณะเดียวกันในช่วงก่อนหน้านี้ ที่นางกนกวรรณ ไม่ปรากฎตัว เมื่อวานนี้ก็มีภาพการเดินทางไปกราบนมัสการ หลวงปู่รอด จ.สุรินทร์ เพื่อความเป็นสิริมงคล เมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ส่วนท่าทีของพรรคภูมิใจไทย ออกมาประสานเสียง ย้ำว่ากรณีของคดีนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวของรัฐมนตรีกนกวรรณ ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค

โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุว่า ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย และพิสูจน์กันด้วยเอกสารหลักฐาน ซึ่งหากผิดจริง ยืนยันจะไม่มีการปกป้องแน่นอน

ส่วนนางกนกวรรณ จะต้องแสดงสปิริตลาออกหรือไม่นั้น นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย มองว่า ขณะนี้ยังเป็นเพียงขั้นตอนการกล่าวหา พร้อมยืนยันเรื่องดังกล่าวจะไม่กระทบต่อการเลือกตั้งในครั้งหน้า



-เรื่องของ เอ๋-ปารีณา ไกรคุปต์ กลับมาเป็นประเด็นอีกครั้ง หลังจากเมื่อวานศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำคุก 8 เดือน รอลงอาญา 2 ปี ในคดีหมิ่นประมาท ช่อ พรรณิการ์ ซึ่งเมื่อวานปารีณา ก็ตัดพ้อว่ารู้สึกสิ้นหวัง

เมื่อวานศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ในคดีที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช หรือช่อ โฆษกคณะก้าวหน้า เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในความผิดฐานหมิ่นประมาท หมิ่นผู้อื่นโดยการโฆษณา

จากกรณีเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2562 น.ส.ปารีณา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว กล่าวหาว่า น.ส.พรรณิการ์ และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำนองว่า ทั้งสองมีส่วนร่วม รู้เห็นเกี่ยวกับเหตุระเบิดหลายพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร รวมทั้งเหตุระเบิดใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งเป็นข้อความอันเป็นเท็จ ทำให้โจทก์เสียหาย เสื่อมเสียชื่อเสียง

โดยศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้จำคุก น.ส.ปารีณา 1 ปี ปรับ 100,000 บาท แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 8 เดือน ปรับ 66,666 บาท และไม่ปรากฏว่า จำเลยเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี

เมื่อวาน น.ส.ปารีณาได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาโดยรถเเท็กซี่ และให้สัมภาษณ์ภายหลังศาลมีคำพิพากษาว่า รู้สึกสิ้นหวังกับสิ่งที่เจอ ซึ่งเธอก็ย้ำว่าไม่ได้หมายถึงศาล แต่หมายถึงกระบวนการพิจารณาคดีต่างๆที่เธอได้รับ

น.ส.ปารีณา ตัดพ้อว่า ที่ผ่านมาได้เกิดบรรทัดฐานใหม่กับเธอหลายครั้ง นับตั้งแต่เรื่องการหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.แล้วไม่สามารถเป็นกรรมาธิการงบประมาณได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น นายธนาธร ก็เคยเป็นกรรมาธิการงบประมาณระหว่างถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่พอถึงกรณีของตนก็ถูกกำหนดบรรทัดฐานใหม่ขึ้นมา

กรณีครอบครองที่ดินของรัฐ ตนก็เป็นนักการเมืองคนแรกที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต และในคดีเมื่อวาน ก็มีบรรทัดฐานใหม่ว่าเฟซบุ๊กที่ไม่มีการ Verify (หรือ ยืนยันความถูกต้อง) หากเป็นชื่อและภาพของใคร ผู้นั้นก็สามารถถูกดำเนินคดีทางกฎหมายได้ อย่างไรก็ตาม น.ส.ปารีณา ระบุว่า จะไม่มีการยื่นฎีกาคดีนี้แล้ว



-วันที่ 4 แล้วในการชุมนุมที่ดินแดง เพื่อแสดงจุดยืนขับไล่นายกรัฐมนตรี ช่วงดึกเกิดเหตุวุ่นวายก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าควบคุมสถานการณ์ไว้ได้

เมื่อวานนี้มีการเคลื่อนไหวของ กลุ่มทะลุแก๊ส นัดหมายทำกิจกรรม “เขียนป้ายไล่ตู่” ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง ในเวลา 18.00 น. เพื่อเขียนข้อความถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จากนั้นได้ร่วมกันทำกิจกรรม “ยืนหยุดขัง” เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) ยืนกระจายอยู่ประจำจุดละประมาณ 5-10 นาย

จนในเวลา 20.05 น. กลุ่มทะลุแก๊สและแนวร่วม ถือป้ายผ้า มุ่งหน้าไปทำกิจกรรม ที่หน้าบ้านพักของนายกรัฐมนตรี โดยใช้พื้นที่จราจร 3 ช่อง และมีเหตุชุลมุน บริเวณแยกใต้ทางด่วนดินแดง หลังตำรวจควบคุมฝูงชนได้ตั้งแนว และพยายามผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมที่กำลังเคลื่อนขบวน เพื่อให้กลับไปที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และมีการยื้อแย่งป้ายผ้ากัน จนเกิดการปะทะและล้มระเนระนาด

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ระหว่างการชุลมุน  นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมและอยู่ในเหตุการณ์ปะทะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ทั้งนี้ ตำรวจเน้นใช้การเจรจามากกว่าใช้กำลังปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุม และในเวลา 20.55 น. การจราจรบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง กลับมาเป็นปกติในทุกช่องทาง

อย่างไรก็ตาม ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีกครั้งในเวลาประมาณ 22.45 น. มีการยิงพลุใส่แนวเจ้าหน้าที่บริเวณแยกดินแดง จนเจ้าหน้าที่ต้องถอยร่น ก่อนจะยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้ 3-4 ลูก

จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ประกาศ ให้บรรดายูทูบเบอร์ สื่อ และผู้ไม่เกี่ยวข้อง เดินทางกลับ มิฉะนั้นจะมีการบังคับใช้กฎหมาย และหากมีมวลชน ยิงพลุ /ทำร้ายเจ้าหน้าที่ หรือ ทำลายอาคารสถานที่ หรือ บุคคลที่สัญจรไปมา เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องใช้กระสุนยาง และขอผู้ไม่เกี่ยวข้องกลับเข้าอาคาร

23.10 น. กำลังเจ้าหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็วเข้าตรึงพื้นที่ตั้งแต่แยกดินแดง ไปบริเวณแยกราชปรารภ และอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และ มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้าตรวจค้นในพื้นที่ จากนั้น สถานการณ์ก็กลับสู่ความสงบ



-วันนี้ สภาผู้แทนราษฎร จะมีการพิจารณากฎหมายเท่าเทียมทางเพศ ทั้งร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ของรัฐบาล และร่าง พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม ของพรรคก้าวไกล ที่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมจากประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ล่าสุดวิปรัฐบาลมีมติจะโหวตคว่ำฉบับของพรรคก้าวไกล อย่างแน่นอน

โดยร่างกฎหมายที่จะเข้าสภาฯพรุ่งนี้ มี 4 ฉบับ เป็นของรัฐบาล 3 ฉบับ ของฝ่ายค้าน 1 ฉบับ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาล ยืนยันว่ามติวิปรัฐบาล จะลงมติรับหลักการเฉพาะร่างกฎหมายที่ฝ่ายรัฐบาลเสนอ เท่านั้น

ส่วนร่างของพรรคก้าวไกล ที่วิปรัฐบาลจะไม่รับหลักการ เนื่องจากเห็นว่า มีเนื้อหาเกี่ยวข้องและกระทบกับกฎหมายอื่นๆ รวมถึงมีผลกระทบต่อสิทธิ ประเพณีวัฒนธรรม และหลักความเชื่อทางศาสนา บางศาสนา ต่างจาก ร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ของรัฐบาล

ทั้งนี้ เดิมร่างฉบับของพรรคก้าวไกล เคยเข้าสภาฯมาแล้วเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา แต่ ครม.ข้อใช้สิทธิตามข้อบังคับเอาไปพิจารณาก่อนรับหลักการ และเพิ่งจะส่งกลับมาให้ สภาฯพิจารณาวาระแรก

ทีมข่าวการเมือง ได้เปรียบเทียบประเด็นสำคัญ ของ ร่าง พ.ร.บ. คู่ชีวิต ฉบับรัฐบาล และ ร่าง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม ของพรรคก้าวไกล

ประเด็นที่ต่างกัน พ.ร.บ. คู่ชีวิต ฉบับ รัฐบาล ให้สถานะทางกฎหมายของคู่รักเพศเดียวกันว่า "คู่ชีวิต" แต่ฉบับ สมรสเท่าเทียม ของพรรคก้าวไกล ให้สถานะ เป็น "คู่สมรส" จากปกติกฎหมายเดิม ใช้คำว่า สามีภริยา

อายุของผู้จะจดทะเบียน ของรัฐบาล เป็นให้จดทะเบียนได้ตั้งแต่อายุ 17 ปี ส่วนของพรรคก้าวไกล ให้จดทะเบียนได้ 18ปีขึ้นไป

เรื่องสิทธิในการหมั้น ฉบับของรัฐบาลไม่ได้มีการพูดถึงไว้ แต่ฉบับของพรรคก้าวไกล มีการให้สิทธิในการหมั้นไว้ ตั้งแต่อายุ 17 ปี สามารถหมั้นได้ และคุ้มครองหากฝ่ายใดผิดสัญญาหมั้น จะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหายด้วย

นอกจากนี้ยังมีเรื่องสิทธิสวัสดิการต่างๆ ที่ฉบับของรัฐบาลไม่ได้กำหนดไว้ แต่ฉบับของพรรคก้าวไกล คู่สมรส มีสิทธิเทียมเท่า คู่สามีภริยา เดิมทุกประการ ทั้งเรื่องจัดการมรดก ทรัพย์สินต่างๆ รวมถึง สวัสดิการของรัฐ


-หมอทศพร เสรีรักษ์ เตรียมนำนักศึกษาวิชาทหาร หรือ นักเรียน-นักศึกษา รด. ร้องกรรมาธิการทหาร ให้ช่วยหาทางออกเรื่องการฝึกภาคสนาม หลังถูกเรียกฝึกย้อนหลังจากสถานการณ์โควิด

จากกรณีที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเรียกนักศึกษาวิชาทหาร หรือ นศท. เข้าฝึกภาคสนาม หลังจากถูกเลื่อนมาเนื่องจากสถานการณ์โควิด ขณะที่บรรดานักเรียน รด.ส่วนหนึ่งแสดงความไม่เห็นด้วย และเรียกร้องให้ยกเลิกการฝึก เนื่องจากหลายเหตุผล ที่สำคัญ คือ บางส่วนสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว และกำลังเตรียมเข้าเรียน จนเกิดเป็นแฮชแท็ก #ยกเลิกเขาชนไก่

นอกจากนี้ยังมีการตั้งแคมเปญรณรงค์เรื่องนี้ในเวบ change.org ด้วย ล่าสุดมีผู้เข้าไปร่วมลงชื่อมากกว่า 1 พันคน

เมื่อวาน นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ทวิตเตอร์ว่า เวลา 11 นาฬิกา วันนี้ (พุธ 15 มิ.ย.) จะไปยื่นหนังสือถึงกรรมาธิการทหาร ที่รัฐสภา เพื่อขอให้ยกเลิกการฝึกภาคสนามของนักศึกษาวิชาทหาร และขอเชิญผู้ที่ได้รับผลกระทบไปร่วมกันยื่นหนังสือ

ซึ่งนายแพทย์ทศพร เปิดเผยว่าขณะนี้มีนักเรียนนักศึกษา ร.ด. ส่งคำร้องเข้ามาขอให้ช่วยเหลือเรื่องนี้กว่าพันราย ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด

ขณะที่นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม โฆษกกรรมาธิการการทหาร กล่าวว่า หลังกรรมาธิการได้รับร้องเรียน ก็มีแผนจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่นกรมรักษาดินแดน เข้ามาหารือเพื่อช่วยกันหาแนวทางแก้ไข เพราะสถานการณ์โควิด ขณะนี้อาจจะไม่เหมาะสมที่จะให้เด็กเข้าไปอยู่รวมกันจำนวนมาก อีกทั้งสภาพร่างกายรวมถึงความพร้อมของเด็กอาจจะไม่พร้อมสำหรับการฝึกภาคสนาม บางคนสอบติดมหาลัย กำลังจะเปิดภาคเรียนแล้ว แต่ต้องถูกเรียกไปฝึกย้อนหลัง

ส่วนจะถึงขั้นยกเลิกการฝึกภาคสนามไปเลยหรือไม่ จะต้องมีการหารือกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน เพื่อหาทางออกร่วมกัน



รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/Nho1xK_wVss

คุณอาจสนใจ

Related News