เรื่องเล่าหน้าหนึ่ง 7 มิ.ย.65 อัยการชี้คดี GT200 จบแล้ว-แอนนาปฏิเสธข้อหาหวยทิพย์-รพ.รับผิดรักษาเด็กไส้ติ่งแตก

-ญาติแค้น ฮือรุมประชาทัณฑ์ ผู้ต้องหาข่มขืนแล้วฆ่า 2 ศพ ที่เพชรบุรี หลังหนีคดีนาน 14 ปี พฤติกรรมสุดเหี้ยม ล่อลวงเด็ก 13 หวังข่มขืนแต่ไม่สำเร็จ จึงฆ่าทิ้ง ก่อนจะย้อนกลับมา ข่มขืนแล้วฆ่าสาววัย 16 ที่ตั้งท้องได้ 4 เดือน หลังก่อเหตุ หนีกบดานหลายพื้นที่ รับจ้างทำงานในไร่ ไม่มีบัตรประชาชน ไม่ติดต่อใคร จนตำรวจตามจับได้ที่ จันทบุรี พ่อเหยื่อแค้นถามฆ่าลูกตนทำไม

-โรงพยาบาลบุรีรัมย์ แถลงยอมรับผิดรักษาล่าช้า ทำน้องต้นน้ำ เด็กชายวัย 12 ปี ไส้ติ่งแตกเสียชีวิต ยันไม่มีเคสพิเศษตัดหน้า แต่มีเคสเร่งด่วน เข้ารับการรักษาก่อน แจงยิบห้องผ่าตัดมี 3 ห้อง ผ่าตัดไส้เลื่อน และมีลำไส้เน่า ต่อด้วยผ่าตัดช่องท้องอักเสบ อีกห้องเป็นคนไข้อุบัติเหตุกระดูกโผล่ มีแผลเปิด หมอต้องเร่งผ่าตัด 2 ราย และผ่าตัดเด็กในครรภ์ มีสภาวะหัวใจเต้นเร็ว เตรียมเยียวยาตามมาตรการ และจะให้หมอไปขอขมาญาติ

-แอนนา ปฏิเสธ 3 ข้อหาคดีหวยทิพย์ ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว 75,000 บาท ยันไม่ใช่เจ้าของ ถูกจ้างให้เป็นพรีเซ็นเตอร์รับบท CEO หวังดึงคน ย้ำที่เดินทางไปต่างประเทศ ไม่ได้หนี ต้องการพักใจ เรื่องแตงโม โวยสิทธิผู้ต้องหาไม่มีอยู่จริง หลังถูกตำรวจถ่ายคลิป ตั้งแต่เดินลงมาจากเครื่อง

-ครูโหดพลั้งมือทำร้ายเด็กพิเศษ วัย 18 ปี อาการสาหัส อ้างเด็กโวยวาย จึงบันดาลโทสะ พี่สาวเผยหลังถูกทำร้าย ครูกลับนิ่งเฉย รุ่นพี่ต้องช่วยกันหามส่งโรงพยาบาล ยัน เอาเรื่องให้ถึงที่สุด

-กบน.มีมติขึ้นดีเซล 1 บาทต่อลิตร มีผลวันนี้ ทำราคาดีเซล ขยับขึ้นเป็น 34 บาท ขณะที่ ปตท. - บางจาก ปรับราคาน้ำมัน “เบนซิน” ลด 60 สต. เว้น E85 ลด 40 สต. ดีเซล ขึ้น 1 บาท ส่วนดีเซล พรีเมียม ของบางจาก ขึ้น 2 บาท ด้านพาณิชย์เผยเงินเฟ้อ เดือนพฤษภาคน พุ่ง 7.1% สูงสุดในรอบ 13 ปี จากราคาพลังงานแพง บวกกับมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของรัฐบางโครงการ สิ้นสุดลง

-หมดแล้ว สลากดิจิทัลกว่า 5.17 ล้านใบ อนุชายันต้องการแก้ปัญหา เป็นทางเลือกให้ประชาชน ไม่ได้แข่งกับผู้ค้าสลากใบ ด้านรัฐมนตรีคลัง เปิดทาง บอร์ดกองสลาก เพิ่มโควต้า

-แฟนคลับอาลัย เน็ตไอดอล “น้องอลิส” เสียชีวิตอย่างสงบ ในวัย 28 ปี แม่เผยเรื่องเศร้า ฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ สำลักอาหาร ติดหลอดลม จนขาดอากาศหายใจ กลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา นาน 3 เดือน



เรื่องเล่าการเมือง

-เรื่องที่กองทัพบกจ้าง สวทช.มาตรวจพิสูจน์เครื่อง จีที 200 จำนวน 757 เครื่อง มูลค่ารวม 7.5 ล้านบาท / ล่าสุดรองโฆษกอัยการ เปิดเผยว่าคดีนี้สิ้นสุดไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องตรวจพิสูจน์เครื่องจีที 200 อีก ขณะที่ยังพบว่าหลังคดีสิ้นสุด กองทัพบกยังจ้าง สวทช.ตรวจเครื่องอีก

นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่โฆษกกระทรวงกลาโหมออกมาระบุว่า ทางสำนักงานอัยการสูงสุดมีความเห็นให้กองทัพบกดำเนินการตรวจเครื่อง จีที200 ที่ไม่สามารถใช้งานได้ทั้ง 757 เครื่อง เพื่อใช้สู้คดีในศาลปกครอง จึงไปจ้าง สวทช. เป็นเงิน 7,570,000 บาท

นายประยุทธ์ ได้ไล่เรียงไทม์ไลน์ในคดีนี้ให้ผู้สื่อข่าวฟัง และสรุปว่า คดีนี้ได้สิ้นสุดไปแล้วเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา หลังจากบริษัทเอกชนที่ขายเครื่องจีที 200 ถอนการยื่นอุทธรณ์คดี โดยศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่ง ให้คดีสิ้นสุดตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง คือ ให้ บริษัทเอกชนชำระเงินให้กับกองทัพบก 683 บาท ตอนนี้จึงไม่มีความจำเป็นต้องตรวจสอบเครื่องจีที 200 แล้ว

ทั้งนี้นายประยุทธ ได้เปิดเผยถึงไทม์ไลน์การฟ้องคดีจีที 200 อย่างละเอียด นับตั้งแต่กองทัพบกขอให้ทางอัยการฟ้อง เมื่อปี 2560

จนกระทั่ง 1 ก.ย. 64 ศาลปกครองกลางคำพิพากษาว่า เครื่อง GT200 จำนวน 757 เครื่อง ไม่มีคุณภาพ ตามสัญญา พิพากษาให้ บ.เอกชน ชำระเงินให้กับกองทัพบก 683 ล้านบาท

ต่อมา 23 ก.ย.64 ผู้ถูกฟ้องยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด / แต่ต่อมา คือ 7 ก.พ.65 ก็ได้ขอถอนอุทธรณ์

และวันที่ 7 มี.ค.65 ศาลปกครองสูงสุดอนุญาตให้ถอนอุทธรณ์ /คดีจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง คือ ให้ บ.เอกชน ชำระเงินให้กับกองทัพบก 683 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลว่า หลังจากนั้น คือ ในวันที่ 12 พฤษภาคม ที่ผ่านมา กองทัพบกได้จ้าง สวทช.ตรวจสอบเครื่องจีที 200 ครั้งที่สอง อีก จำนวน 437 เครื่อง ทำให้เกิดคำถามว่าในเมื่อคดีสิ้นสุดแล้ว ทำไมยังมีการจ้างตรวจสอบเครื่องอีก

เมื่อวานผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามเรื่องนี้ไปยังกองทัพบก ยังไม่ได้คำตอบ และล่าสุดมีรายงานว่าวันนี้ทางกองทัพบกจะมีการแถลงเรื่องนี้ แต่ก็ยังไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนออกมา



-เมื่อวานนี้ มีการยื่นยุบสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ของนายศรีสุวรรณ จรรยา หลังจากนายศรีสุวรรณ ที่ใช้สมาคมเคลื่อนไหวร้องเรียนเรื่องต่างๆ ขณะที่เจ้าตัวไม่หวั่นพร้อมเดินหน้าต่อสู้

ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ไปยื่นเรื่องถึงอธิบดีกรมการปกครอง ในฐานะนายทะเบียนสมาคม เพื่อขอให้ใช้อำนาจตามกฎหมายเพิกถอนสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย หลังพบว่าการดำเนินกิจการของสมาคมฯ ผิดวัตถุประสงค์ ของการเป็นสมาคม

ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า สมาคมดังกล่าว มีการแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าความ / รับเงินสนับสนุนจากประชาชน / มีการแต่งตั้งกรรมการท่านหนึ่งโดยที่เจ้าตัวไม่มีส่วนรู้เห็นมาก่อน อีกทั้งการร้องเรียนเรื่องต่างๆเป็นการทำลายชื่อเสียงของผู้ถูกร้อง/พร้อมตั้งข้อสังเกตด้วยว่าเรื่องร้องเรียนต่างๆได้ผ่านมติของกรรมการสมาคมจริงหรือไม่

ด้านนายศรีสุวรรณ ยืนยันว่า การร้องเรียนต่างๆของสมาคมเป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ และมั่นใจว่าจะไม่สามารถมายุบสมาคม ได้ เพราะไม่มีการแสวงหาผลประโยชน์อย่างที่ถูกกล่าวหา และมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการผูกใจเจ็บหลังจากที่ตนเอง เคยร้องตรวจสอบมาตรฐานทางจริยธรรมของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก่อนหน้านี้



-ความเคลื่อนไหวของผู้ว่าชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อวาน ได้พบกับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีมหาดไทย ในฐานะผู้กำกับดูแล กทม.เรียบร้อยแล้ว บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

นี่เป็นภาพบรรยากาศ ช่วงที่นายชัชชาติมารอต้อนรับ พล.อ.อนุพงษ์ ที่ศาลาว่าการ กทม. ดินแดง ก่อนที่ทั้งคู่จะเข้าร่วมประชุมสภา กทม.ครั้งแรก ที่ พล.อ.อนุพงษ์ เป็นประธาน

หลังการประชุม ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน นายชัชชาติ ก็ได้มายืนอยู่ใกล้ ๆ โดย พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการทำงานของนายชัชชาติ ผู้ว่าฯ คนนี้เป็นที่ถูกใจของประชาชน คิดว่าจะไปได้สวยแน่นอน

นอกจากนี้ช่วงหนึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ ยังได้หยอกล้อว่า ตนก็เป็นคนกรุงเทพฯ ต้องให้ฝากให้ผู้ว่าฯดูแล ซึ่งนายชัชชาติ ก็บอกว่า “ผมซิที่ต้องฝากตัวกับรัฐมนตรี”

หลังให้สัมภาษณ์เสร็จ นายชัชาติ ก็ได้เดินไปส่ง พล.อ.อนุพงษ์ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า พล.อ.อนุพงษ์ จะคอยจับมือนายชัชชาติ บางช่วงเดินจูงมือกัน เรียกได้ว่าบรรยากาศการพบกันของทั้งคู่ในวันนี้เป็นไปอย่างชื่นมื่น

จากนั้น ช่วงบ่าย 3 โมงครึ่ง นายชัชชาติ ได้ไปหารือร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เพื่อหาแนวทางต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น

โดยนายชัชชาติ ระบุว่า จากนี้ไปจะมีการตั้งคณะทำงาน เพื่อหารืออย่างน้อยเดือนละครั้ง และจะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาด้วย ส่วนตัวเชื่อว่าหากเริ่มต้นด้วยกระดุมเม็ดแรกที่ถูกต้อง จะเป็นผลดีในระยะยาว

จากนั้นในช่วงเย็น นายชัชชาติ ได้ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อยการรื้อย้ายและก่อสร้างทางยกระดับรามคำแหง ซึ่งปัจจุบันงานก่อสร้างเกือบจะเสร็จสมบูรณ์ 100% แล้ว โดยมีการยืนยันว่า พร้อมเปิดการจราจรได้ในวันที่ 15 มิ.ย. นี้ เวลา 5 นาฬิกา เป็นต้นไป



-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ไปตรวจราชการ ที่ จ.ภูเก็ต พร้อมกับติดตามงานด้านการศึกษาและการท่องเที่ยวในพื้นที่ ท่ามกลางบรรยากาศการต้อนรับอย่างคึกคัก

โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึงก็ได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ให้การดูแลต้อนรับนักท่องเที่ยว พร้อมกำชับให้ ดูแลนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี ซึ่งในวันนี้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นหลายเที่ยวบิน ประมาณ 2-3 พันคน

จากนั้น นายกรัฐมนตรีมนตรี ได้เดินทางไปยัง โรงเรียนพุทธมงคลนิมิตร อำเภอเมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นโรงเรียนการกุศล ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน จัดการศึกษาให้นักเรียนได้เรียนฟรี 100% โดยมีการมอบนโยบายการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วม และ เป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือการพัฒนาการศึกษาอย่างยั่งยืน ระหว่างโรงเรียนพุทธมงคลนิมิตร / วิทยาลัยอาชีวศึกษาภูเก็ตและกลุ่มภาคเอกชน โรงแรม

ก่อนจะไปเป็นประธาน เปิดสัมมนาการกำหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวประเทศไทย (Thailand Tourism Congress 2022) ที่โรงแรมบียอนด์ รีสอร์ท กะตะ อำเภอเมืองภูเก็ต พร้อม ปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์การยกระดับการท่องเที่ยวไทยสู่การท่องเที่ยวคุณภาพที่ยั่งยืน” โดยมีบรรดานักธุรกิจและภาคส่วนต่างๆเข้าร่วม

โดยช่วงหนึ่งของการปาฐกถา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าการเดินทางมา จ.ภูเก็ตครั้งนี้มองเห็นน้ำทะเลแล้วอยากจะกระโดดน้ำทะเล เพราะตลอด 8 ปีที่ผ่านมาไม่มีโอกาส ใช้ชีวิตส่วนตัว พร้อมกับอ้อนชาวภูเก็ตว่ามาครั้งนี้ ได้ให้หัวใจคนภูเก็ตไปหมดแล้ว



-กรณีกระทบกระทั่งกันของ ส.ส.ในการประชุมสภาผู้แทนฯเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดมีการออกมาขอโทษกันแล้ว

โดย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ชี้แจงถึงเหตุการณ์ในวันดังกล่าว ยอมรับว่าได้ขว้างโทรศัพท์นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนาจริง แต่ยืนยันว่า ไม่ได้แซงคิว เพราะได้ส่งชื่อในคิวอภิปรายต่อคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้ว พร้อมทั้งขอโทษนายณัฐวุฒิถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายชาดา ระบุว่า ที่โกรธ เพราะนำคำอภิปรายที่ตนพูดแทนเด็กมาหมิ่นตน และยอมรับว่าที่ปาโทรศัพท์นายณัฐวุฒิ เพราะเข้าใจว่านายณัฐวุฒิชี้หน้า ซึ่งยอมรับว่าผิดเต็มๆ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ตบ และบอกว่า "มือใหญ่ขนาดผมตบใครคงร่วง"

ทั้งนี้นายชาดา ระบุว่า ต้องชื่นชม และยกย่อง ส.ส.ณัฐวุฒิ ที่ไม่ออกมาพูดให้เรื่องยาว ผมต้องขอบคุณท่านอย่างมาก และขอโทษ ส.ส.ณัฐวุฒิ

นายชาดา บอกด้วยว่า พรุ่งนี้(ซึ่งหมายถึงวันนี้) เป็นวันเกิดตน จึงต้องออกมาแก้บ้าง



-ความคืบหน้าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ของฝ่ายค้าน มีความชัดเจนแล้วเตรียมจะมีการยื่นญัตติขอเปิดการอภิปรายกลางเดือนนี้

นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน เปิดเผยผลการประชุมวิปฝ่ายค้าน เพื่อเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ 15 มิ.ย. นี้ว่าจะมีการนัดสรุปแนวทางอีกครั้งวันที่8 มิ.ย. นี้ หลังบางพรรคขอเวลาไปพิจารณาเรื่องตัวบุคคลที่จะถูกอภิปรายและข้อกล่าวหาเพิ่มเติม

เบื้องต้นจะมีรัฐมนตรีถูกอภิปราย 6 คน ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง / รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม /รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ /รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

ส่วนข้อกล่าวหา ก็จะมีประมาณ 5-6 ข้อ อาทิ เรื่องความล้มเหลว การทุจริต หาประโยชน์เพื่อพวกพ้อง / เรื่องการทำผิดจริยธรรมนักการเมือง และเรื่องนโยบายที่ประกาศไว้แต่ทำไม่ได้

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/w4bArl2BWmg