เลือกตั้งและการเมือง

รถบรรทุกโต้เดือด! อย่าพูดเอาดีเข้าตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ยันไม่เคยติด-ขายสติกเกอร์ส่วย - พบ ตร.เอี่ยวแล้วกว่า 10 นาย

โดย petchpawee_k

3 มิ.ย. 2566

4.5K views

บก.ปปป.เผย พบ ตำรวจเอี่ยว "ส่วยสติ๊กเกอร์" กว่า 10 นาย ขีดเส้นตาย 5 วัน สั่งตำรวจทางหลวง 8 กองกำกับการทั่วประเทศ รีบรายงานผลสอบ ส่วยสติ๊กเกอร์ พบ มีตำรวจเอี่ยว สั่งดำเนินคดีไม่มีละเว้น


หลังจากเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย มอบรายชื่อผู้ประกอบการที่จำหน่ายส่วยสติกเกอร์ทั้ง 46 เจ้า ให้คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ต่อมาวานนี้ (2 มิ.ย.) ทางผู้บังคับการ ปปป. ก็บอกว่าตำรวจมีข้อมูลที่สอดคล้องกัน และตอนนี้พบเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องกว่า 10 นาย พร้อมสั่งให้ต้นสังกัดตรวจสอบและรายงานกลับมาภายใน 5 วัน


พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ ปปป. รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า หลังมีข้อมูลจากสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ ออกมา และมีชื่อตำรวจหลายคนเกี่ยวข้อง จึงสั่งการให้ตำรวจทางหลวงทั้ง 8 กองกำกับการทั่วประเทศ รายงานเกี่ยวกับการเรียกรับส่วยในหน่วย ตามข้อเท็จจริงภายใน 5 วัน หากไม่รายงานตามข้อเท็จจริง แล้วตรวจสอบเจอภายหลัง จะสั่งย้ายทันที


ส่วนกรณีที่มีการพาดพิงถึงภรรยานายตำรวจคนหนึ่งในพื้นที่จังหวัดนครปฐม เข้ามาพัวพันกับส่วยสติกเกอร์  โดยเป็นคนกลางคอยรับเคลียร์ ตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว อยู่ระหว่างตรวจสอบ นอกจากนี้ตำรวจมีรายชื่อตำรวจกว่า 10 คน ที่เข้าไปเกี่ยวข้อง และจะประสานสหพันธ์ฯ ให้นำข้อมูลหลักฐานต่าง ๆ เข้ามาให้เพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องทำตามพยานหลักฐานด้วย ซึ่งหากพบกระทำความผิดจริงก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที



ขณะที่ พลตำรวจโท ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรง ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้เดินทางเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมระบุว่า ขณะนี้ ยังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับกรณีที่มีการกล่าวหา ภรรยาของตำรวจระดับรองผู้บังคับการ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่วันนี้ ก็หยิบยกประเด็นนี้ เข้าร่วมหารือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติด้วย โดยยืนยันว่า หากพบผู้ใดมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีการกระทำความผิด ก็จะดำเนินการโดยไม่ละเว้น


ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ตรวจสอบรายชื่อสติ๊กเกอร์ทั้ง 46 เจ้า ที่ทางสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ เปิดเผยมา พบว่ามี 5 เจ้าที่มีตำรวจเกี่ยวข้องชัดเจน คือ


1. ป้ายที่ไม่ระบุรูปแบบ ของชุดปฏิบัติการพิเศษทางหลวง

2. ป้ายใบโพธิ์ /ปัน ปัน เจ้าหน้าที่ด่านชั่งสุวินทวงศ์ และตำรวจยศ "พันตำรวจเอก"

3. ป้ายมารวย และ PPR เป็นของรองผู้กำกับ ยศ "พันตำรวจโท"

4. ป้ายเจริญภูมิ เป็นของตำรวจ

5. ป้ายรูปกระต่าย เป็นของรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐมแต่ 4 ใน 5 ป้าย พบว่าเป็นป้ายที่ใช้กับรถตู้คอนเทนเนอร์ ที่วิ่งระหว่างกรุงเทพ-แหลมฉบัง

----------------------------------------------------------------

รถบรรทุกโต้เดือด ไม่เคยติดและช่วยขายสติ๊กเกอร์ส่วย แนะแก้กม.และกฎกระทรวงก็จบ แต่ติดขัด 2 กรมไม่ยอมปล่อยวางผลประโยชน์ จวก อย่าพูดเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น


จากกรณีที่  ส.ส.ก้าวไกล พูดถึงผู้ประกอบการรถบรรทุกพ่วง มีการขายสติกเกอร์ ติดหน้ารถเพื่อแสดงว่ามีการจ่ายส่วยให้ตำรวจ  โดยพาดพิงว่าสนธนาพืชผล ที่มีรถวิ่งจำนวนมาก คือผู้ประกอบการเดินรถ ที่เป็นหนึ่งใน 46 ราย ที่สติกเกอร์ชื่อ หน้ารถติดสนธยาพืชผล และสติกเกอร์แสดงสัญญลักษณ์การจ่ายส่วยคู่กันที่หน้ารถ ชี้ว่าเป็นหนึ่ง 46 รายชื่อที่ นายวิโรจน์อ้างว่า มีการจ่ายส่วยให้ตำรวจ และรับเคลียร์ทางให้รถบรรทุกของผู้ประกอบการอื่น ในพื้ันที่ จ.ร้อยเอ็ดด้วย


ดังนั้นผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปตรวจสอบยังที่ตั้งโรงสีสนธยาพืชผล ซึ่งตั้งติดถนนวงแหวนรอบนอก ร้อยเอ็ด-มหาสารคาม ที่ตั้งอยู่บริเวณบ้านเหล่าใหญ่ ต.ดงลาน อ.เมืองร้อยเอ็ด ปรากฏว่า สาขานี้ปิดตัวเงียบ ไม่พบทั้งคน และทั้งไม่พบรถบรรทุกของโรงสีแห่งนี้ิ และสอบถาม ทราบว่าเพิ่งย้ายออกไปเมื่อเร็วๆนี้


ผู้สื่อข่าวจึงติดต่อเจ้าของโรงสีที่ตกเป็นข่าวทางโทรศัพท์ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงตามที่ถูกพาดพิง ว่าทั้งเสียส่วยและเป็นนายหน้าประสานผู้ประกอบการที่คุ้นเคยกัน โดยทำตัวเป็นนายหน้าขายสติ๊กเกอร์จ่ายส่วย ตำรวจให้กับเพื่อนอีกหลายรายด้วย ซึ่งหลังจากรับโทรศัพท์ นายยศภัทร พาโคกทม กล่าวว่า ยังไม่สะดวกที่จะให้ข่าว เนื่องจากกำลังจะเดินทางไป จ.ขอนแก่น  ซึ่งผู้สื่อข่าวก็พยายามต่อรองว่าขอพบเป็นเวลาไมไม่เกิน 10 นาที เพื่ออยากจะให้พูดความจริงให้เป็นที่กระจ่างและเพื่อแสคงความบริสุทธิ์ใจว่า ไม่ได้เกี่ยวข้อง จึงยอมให้ทีมข่าวพบ


โดยนายยศภัทร ยืนยันว่า ตนมีรถทั้งหมดกว่า 30 คัน แต่ยืนยันว่า ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ตกเป็นข่าวหาว่าที่ตนเองมีการซื้อสติกเกอร์ติดหน้ารถเพื่อการบรรทุกเกินแล้วไม่ให้ตำรวจจับตามที่ถูกพาดพิงในข่าว แต่อย่างใด


โดยยืนยันว่ารถบรรทุกพ่วงของตนทั้งหมดกว่า 30 คัน ไม่เคยติดสติกเกอร์ส่วยจากตำรวจแม้แต่คันเดียว และทุกคันจะติดเพียงสติกเกอร์ สนธยาพืชพล เท่านั้น รวมทั้งการที่มีการพาดพิงกล่าวหาว่า ตนเองเป็นนายหน้าขายสติกเกอร์บรรทุกเกินเพื่อกันตำรวจจับให้กับรถคันอื่น หรือสถานประกอบการอื่นยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และสามารถพิสูจน์ได้ และไม่ควรที่จะกล่าวหาลอยๆ ทำให้ตนเองเสียหาย ถ้าว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องจริงก็ขอให้เอาหลักฐานมาแสดง อย่าพูดแต่ลมปาก ให้คนอื่นเสียหาย


และย้ำว่า ใครก็ได้ ที่มักจะพูดว่าสิ่งที่ทำล้วนทำเพื่อคนอื่น ตนขอตอบกลับเลยว่าตนเองไม่เชื่อ ที่มีคนเที่ยวมาอ้างว่าทุกสิ่งที่ทำ ทุกสิ่งที่ออกมาเปิดโปง ล้วนอ้างว่าทำเพื่อคนอื่นตนเองฝากบอกเลยครับว่าไม่เชื่อ อย่าเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น เพราะตนมีความเชื่อว่าทุกสิ่ง คนที่ออกมาพูดล้วนทำเพื่อตนเองทั้งนั้น ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า คนที่ท่านว่าใช่นักการเมืองหรือไม่ นายยศภัทร กล่าวตอบสั้นเพียงแต่ว่า “ขอไม่ตอบ”

ในขณะที่เสนอว่าการที่เกิดเรื่องของการที่ผู้ประกอบการรถบรรทุก ต้องมีการซื้อสติกเกอร์ติดรถที่จ่ายส่วย ซึ่งตนไม่ตอบว่าตนเองจ่ายหรือไม่นั้น ตนขอไม่ตอบเช่นกัน ว่ามีหรือไม่ เพราะจะเป็นการเหมือนกล่าวหา ทำให้ตนเองเดือดร้อนได้ แต่ที่ปฎิเสธเด็ดขาด คือตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับเป็นนายหน้าจำหน่ายสติกเกอร์ส่งส่วยให้กับรถในเครือข่าวอื่นแต่อย่างใดทั้งสิ้น


ในขณะที่เสนอทางออก ในการที่จะแก้ส่วยสติกเกอร์ที่พาดพิงถึงตร.ว่า แม้จะไม่ออกความเห็น แต่ตนเองมีข้อเสนอแนะว่า ต้องแก้ที่กฎหมาย หรือกฎกระทรวงรถบรรทุก ให้บรรทุกน้ำหนักได้มากขึ้น เท่าที่รถบรรทุกได้ เพื่อไม่ให้เกิดช่องว่างให้มีการต้องส่งส่วยหนีการจับกุม ในขณะที่เดียวกัน เมื่อแก้กฎหมาย หรือกฎกระทรวงให้บรรทุกหนักได้มากขึ้นก็สามารถจะหนีปัญหาสติกเกอร์ส่วยให้คนแสวงประโยชน์ได้


และเมื่อแก้กฎหมายเรื่องบรรทุกหนักขึ้นแล้ว สิ่งที่ต้องแก้ด้วย คือถนน ก็ต้องให้มีการสร้างถนนให้ได้มาตรฐาน ให้แบกรับน้ำหนักได้ ซึ่งต้องควบคุมด้านความมาตรฐานของถนน ให้ชัดเจนขึ้นด้วย ให้เกิดความเป็นมาตรฐานด้วยเช่นกัน แต่ที่ทำไม่ได้ อ้างว่าถนน ไม่มาตรฐานที่จะรับน้ำหนักได้ ก็ไม่น่าจะเป็นความผิดของรถ แต่ด้วยเหตุผลอื่นที่ ซึ่งตนก็เชื่อว่า ก็พอรู้ๆกันอยู่ ว่าเพราะอะไร การเพิ่มน้ำหนักรถบรรทุกแล้ว แต่ถนนกลับรับน้ำหนักไม่ได้ ตนว่าเหตุนี้ ตนว่าทุกๆคนก็รู้ๆกันอยู่ แต่ก็พูดไม่ได้



https://youtu.be/WuSiTCe-7yo

คุณอาจสนใจ

Related News