สังคม

สาวใหญ่สุดช้ำ ถูกพาดพิงเป็นทายาทกระสือ โยงดวงไฟสีแดงลอยเด่นในหมู่บ้าน ทำสังคมรังเกียจ

โดย nicharee_m

26 พ.ค. 2566

219 views

วันที่ 26 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าว่ายงานว่า จากกรณีที่มีผู้ใช้ติ๊กต็อก ได้โพสต์คลิปเหตุการณ์พบดวงไฟสีแดงลอยอยู่เหนือยอดต้นไม้ในเวลากลางคืน ใกล้คลองชลประทาน ม.2 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปหลายอย่าง โดยบางคนคิดว่าน่าจะเป็น “กระสือ” แต่บางคนก็ว่าเป็นการสร้าง content ของกลุ่มวัยรุ่นในพื้นที่เพื่อให้มียอดผู้เข้าชมจำนวนมากและมีสื่อร่วมเข้ามาในพื้นที่ เพื่อนำเสนอเข้ามาเจาะลึกพาดพิงหลายครอบครัวที่พิสูจน์ไม่ได้ แต่เป็นการทำให้เกิดความเสียหายให้กับชุมชนและครอบครัวที่ถูกพาดพิง


ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ต่างออกมาวิจารณ์ข่าวดังกล่าวที่มีสื่อหลายสำนักนำไปเสนอเพื่อสร้างเรตติ้งเพื่อการแข่งขัน แต่ทำให้ ครอบครัวต้องเดือดร้อนถูกสังคมรังเกียจถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สืบทอดกระสือบ้างและลูกหลานถูกพูดไปในทางไม่ดีจนทำให้ถูกดูหมิ่นเกียจชังปัจจุบันก็หนีห่าง


ทางด้าน นางจิดาภา กาญจน์อร่ามกุล รองนายกเทศมนตรีตำบลเจ็ดเสมียน กล่าวว่า สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น เด็กน่าจะสร้าง Content ในส่วนตัว ไม่เชื่อในเรื่องนี้ อดีตที่ผ่านมาพ่อแม่จะสอนเราตลอด มันจะมีอีกึม มีกระสือมีกระหัง โดยเฉพาะในที่บ้าน มีลูกสาว 7 คน พ่อแม่จะรัก ไม่อยากให้ลูกออกไปเที่ยว ออกไปนอกบ้านกลางค่ำกลางคืน มันจะไม่ปลอดภัย น่าจะเป็นกุศโลบายของ พ่อแม่ เอาเรื่องกระสือเล่าเรื่องกระหัง ให้เราฟัง ให้เกิดความกลัว ต้องนั่งกระดานแผ่นเดียว


แต่ถามว่าเคยเจอไหม ไม่เคยเจอเลย มันไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ กระสือจะมีจริงหรือไม่จริง เป็นคำว่าเล่า จากอดีต อาจจะมีก็ได้ แต่ปัจจุบัน ขอยืนยันว่าไม่มี ในตำบลเจ็ดเสมียน อดีตก็ไม่เคยมี น่าจะมีการเล่าเชื่อมโยงมาเรื่อยๆ สร้างความเสียหายให้กับ ตำบลเจ็ดเสมียนเยอะมาก อาจจะเป็นเรื่องของความสนุก เจอจริง มันมีอะไรพิสูจน์ได้บ้าง ดวงไฟที่เห็น เขารู้ได้ยังไงว่าเป็นกระสือ เขาเคยเห็นเหรอ


เวลานี้อายุ 64 แล้ว ยังไม่เคยเจอ กระสือรูปร่างเป็นอย่างไรดวงไฟเป็นอย่างไร รู้มาจากคำเล่าของพ่อแม่เท่านั้น ที่เล่าให้เราฟัง และกลัว ให้เราไม่กล้าออกจากบ้าน เพราะเป็นอันตรายสำหรับเรา


ส่วนเด็กที่ทำ Content เนี่ย มันได้ยอดวิว อาจจะได้เงินใช้ จึงสร้าง Content ต่างๆ ในความรู้สึก แต่มันสร้างความเสียหายให้กับตำบลเจ็ดเสมียน ทำให้เขาเชื่อกันว่า ในพื้นที่มีกระสือจริง ทำให้ความเชื่อถือลดลง ในตำบลเจ็ดเสมียนเรามีแหล่งท่องเที่ยวเยอะ เป็นเซ็นเตอร์ คมนาคม มีชื่อเสียงทางด้านสินค้าชุมชน วัฒนธรรมประเพณี ค่อนข้างจะดัง แต่พอมาเกิดเหตุแบบนี้ ความศรัทธามันจะลดลงไป


ส่วน นางออย (นามสมมุติ) กล่าวว่า ได้มีสื่อเข้ามาสอบถามโดยไม่รู้ตัวสอบถามก็ บอกว่าจะมาลงพื้นที่ ถามว่า 2-3 วันนี้เห็นแสงอะไรบ้างไหม ก็บอกว่าไม่เห็น ไม่ทราบว่าเขาโยงเรื่องกระสือมาที่บ้าน มีลูกสาวสืบทอดไหม เราก็บอกว่า แม่ไม่ได้เป็น แต่เขาก็มากล่าวหาทำให้เราเสียหาย ใครๆ ก็มาถาม ว่ามันเป็นเรื่องจริงเหรอ ทำให้เราเสียใจมาก แม้แต่หลานยังถามว่า กระสือมันคืออะไร อยู่ที่ไหน


ด้วยความที่ไม่รู้เราเป็นชาวบ้าน มาถามว่าบ้านหลังนี้ร้างใช่ไหม ตายมานานหรือยัง ก็บอกว่าตายมา 10 กว่าปีแล้ว เราเป็นคนดูแล แกก็ไม่ได้ป่วยอะไร ไม่ได้นอนติดเตียง สามารถช่วยตัวเองได้ เป็นคนดูแลตลอด แล้วถามว่ากลางคืน มีแอบออกไปข้างนอกหรือไม่ ก็ยืนยันว่าแม่ไม่ได้เป็น จะออกไปได้อย่างไร แกเป็นโรคหัวใจโต จะต้องกินน้ำ และเป็นน้ำท่วมปอด เข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ และในที่สุดก็เสียที่โรงพยาบาล


การที่นำเสนอ เป็นเรื่องที่ไม่จริง ตั้งแต่อยู่มาแม่เป็นคนดี แกขายของ มีคนนับหน้าถือตา มีแต่คนรักใคร่นับถือ เป็นหมอกลางบ้าน ใครป่วยก็มาหา ข่าวที่ออกไปสร้างผลกระทบ บางคนก็ถามว่าเป็นจริงหรือนี่ อยู่มาไม่รู้เลยเหรอ ก็ได้แต่ยืนยันว่าไม่จริง เคยทำวงดนตรี ก็มีคนมานอนจำนวนมาก ก็ยืนยันได้ว่าไม่เป็นเรื่องจริงเลย นักข่าวที่เอาไปลงก็บิดเบือนหมดเลย เราก็บอกแล้วว่าไม่ได้เป็น แต่ก็พยายามยัดเยียด ทำไมไม่ไปสืบหา ว่าเกิดแสงตรงไหนในหมู่บ้าน


ตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีใครอยากคุยกับเรา ขนาดไปรับหลาน คนคุยกัน เห็นหน้ากันอยู่ ทำเฉยๆ ไม่ทักเรา เหมือนไม่อยากคุยกับเรา มันเสียหายมาก ทำให้เราไม่อยากเจอใคร ยอมรับว่าเสียใจมาก ตอนนี้ก็พี่ๆ เขาก็กำลังทำเรื่องอยู่เกี่ยวกับฟ้อง ที่เอ่ยชื่อแม่แล้วเอาภาพแม่ไปลง มันเกิดความเสียหาย ที่เอาไปลง ว่าสืบทอดทายาท จนไม่อยากคุยกับใครเลย


นายจำเริญ พงษ์ไพร ผู้ช่วยผู้ใหญ่หมู่ 2 ต.เจ็ดเสมียน มันเป็นเรื่องเล่าต่อๆ กันมา กระสือที่ไปที่มาของมันก็คือ ตามที่เล่ากันมา มันข้ามมาจากฝั่งกระโน้น และมันมีชื่อว่า อีกึ้ม ข้ามแม่น้ำมาอยู่ตามยอดตาล ตามที่ผมให้ข่าวไป เมื่อข่าวมันออกไป นักข่าวไปบิดเบือน ไปลงข่าวให้เสื่อมเสียตำบลเจ็ดเสมียน ทุกคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นักข่าวมาทำข่าวประเภทนี้ เมื่อออกไปแล้ว ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ต้องมาบอกรายละเอียดทั้งหมด ว่าทั้งหมดนั้นมันเป็นเรื่องเล่า มันไม่ใช่เรื่องจริง เรื่องที่เล่าขานกันมาก็คือเรื่องกระสือ ทุกคนก็รู้จัก กระสือ ที่มีมาดั้งเดิมอยู่แล้ว ปู่ย่าตายาย พ่อแม่พี่น้อง ก็เล่าให้ผมฟัง อย่างนั้น


ผมก็เคยเห็น ตามต้นไม้ยอดไร่ ลอยมาเราก็เข้าใจว่ากระสือ ไว้ก่อน พอสัมภาษณ์ไป ก็ไป แต่งสรรปั้นแต่ง ทำให้คนอื่นเสียหาย ผมก็ไม่รู้จะไปแก้ไขประการใด ที่ไปที่มาของกระสือเรื่องนี้ก็คือ มีเด็กๆ ซึ่งเป็นลูกหลานของผม ออกไปนั่งเล่นหน้าคลองชลประทาน ดึกดื่นค่อนคืนก็ไปนั่งเล่นตกปลา บ้างก็กินเหล้ากัน พอเห็นสิ่งหนึ่งลอยมา มันก็ว่ากระสือ บางคนก็ถ่ายรูปไว้ มันอาจจะเป็นความคึกคะนองของพวกมัน ก็เอาไปลงติ๊กต็อก ก็มีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง เข้ามาติดต่อขอถ่ายทำ หลังจากเกิดเหตุ 2-3 วัน ก็ได้เข้ามาถ่าย จะได้ถามว่าถ่ายทำอะไร ก็บอกว่ามาไทยทำเรื่องกระสือ สัมภาษณ์เด็กๆ ก็ไม่เห็นเกี่ยวข้องมาถึงใคร


เมื่อมันเป็นเรื่องเล่า ผมก็เล่า ว่ามีต้นตาลอยู่บ้านหลังหนึ่ง แล้วไปเอ่ยชื่อ บ้านที่อยู่ติดต้นตาล ทำให้ผู้สื่อข่าวนำไปแต่งเติมได้ นักข่าวก็สอบถามว่า บ้านหลังดังกล่าว อยู่ที่ใด ได้สอบถามว่า จะไปหา บ้านนั้นทำไม นักข่าวก็บอกว่าจะไปสัมภาษณ์เหมือนลุง สัมภาษณ์เป็นแบบชาวบ้าน


ลุงยังกล่าวว่า หากไปสัมภาษณ์ แล้วลูกหลานเขาฟ้องร้องต้องรับผิดชอบนะ นักข่าวยังยืนยันว่า เขารับผิดชอบเอง หลังจากนั้น ผมก็เข้าบ้าน เพราะฝนมันตก หลังจากนั้นพวกนักข่าวก็มาบ้านหลังดังกล่าว มาขออนุญาต เปิดบ้าน คนดูแลบ้าน เป็นชาวบ้านธรรมดาก็เปิดบ้านให้ ก็เห็นรูปเจ้าของบ้าน นักข่าวก็ถ่ายรูปเลย ก็ได้สั่งห้ามไม่ให้ออกอากาศ เนื่องจากเขามีลูกหลานอาจฟ้องร้องได้ นักข่าวก็รับปาก ไม่ลงหรอก สุดท้ายก็นำไปลงออกข่าว จนเป็นประเด็นขึ้นมา


ทุกวันนี้ มันเสียหายไปหมด เจ็ดเสมียน การท่องเที่ยว ญาติพี่น้อง เกิดความเสียหาย มันไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ อยากให้นักข่าวเข้ามารับผิดชอบ ในความถูกต้อง


คุณอาจสนใจ

Related News