สังคม

เปิดเส้นทาง 3 นายตำรวจสัมพันธ์ใกล้ชิดกับขบวนการแฉเงิน 6 ล้านสารวัตรซัว

โดย onjira_n

27 มี.ค. 2566

728 views

ตามที่ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม มีการเปิดเผยว่ามี 2 นายตำรวจ นำเงินจากสารวัตรซัวไปมอบให้กับ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โดยใส่ถุงกระดาษจำนวน 6 ล้านบาท จากนั้นนายชูวิทย์ รับสารภาพว่าเป็นเรื่องจริง และยังระบุอีกว่ามีนายตำรวจระดับ พล.ต.อ. อักษรย่อ ช. ได้นำนายแทนไท เข้าพบนายสนธิ ลิ้มทองกุล และมาพบ นายชูวิทย์ ที่โรงแรมเดวิส จนกระทั่งนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีที่กองบังคับการปราบปราบ และ สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีกับ นายตำรวจยศ พล.ต.ต. อักษรย่อ อ.และ พล.ต.ท. อักษรย่อ ป. นายดังกล่าว เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาในฐานความผิดฟอกเงิน

สำหรับนายตำรวจทั้ง 3 นาย ที่มีรายชื่อเกี่ยวข้อง ทางทีมข่าวขออธิบายว่า แบ่งเป็น 2 กลุ่มโดยกลุ่มแรก พล.ต.อ. “ช” เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นที่ 34 ซึ่งมีสายสัมพันธ์ กับนายสนธิ อย่างแนบแน่น และรู้จัก นายชูวิทย์ มาเป็นเวลานาน อีกทั้งรู้จักกับ นายแทนไท ที่มีส่วนพัวพันกับธุรกิจสีเทา จนทำให้สามารถนำนายแทนไท เข้าไปพบกับนายสนธิ เพื่อเจรจาเรื่องขอไม่ให้เปิดโปงเรื่องพนันออนไลน์ แต่นายสนธิ ไม่ยอม ซึ่งนายแทนไท ขู่ว่าจะฟ้องนายนายสนธิ ข้อหาหมิ่นประมาทเรื่องการเปิดโปงดังกล่าว

จากนั้น เมื่อการเจรจาไม่เป็นผล นายตำรวจคนดังกล่าว จึงพานายแทนไท ไปพบ นายชูวิทย์ ซึ่งนายชูวิทย์ก็ซ้ำเติมว่า “มึงอายุแค่ 26 มึงจะไปหฟ้องเขาได้อย่างไร ในเมื่อเขามีเครือข่าย สื่อหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ อีกทั้งรู้จักผู้ใหญ่มากมาย จะไปทำอะไรเขาได้” ตามคำบอกเล่าของนายชูวิทย์ ที่มีการแถลงข่าวไปก่อนหน้านี้

ส่วนอีก 2 นายตำรวจ ที่นายชูวิทย์ยอมรับว่าเป็นคนนำเงิน 6 ล้านบาทไปส่งมอบให้ที่โรงแรมเดวิสนั้น ความจริงแล้วในภาพที่มีการเผยแพร่พบว่าจะมีเจ้าของบ่อน อักษรย่อ “ส” ร่วมไปในคณะที่มีการส่งมอบเงินในวันนั้นด้วย โดยเฉพาะ1ใน 2 นายตำรวจนั้นเป็น พล.ต.ท. อักษรย่อ

“ป” เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่นที่ 35 ที่รู้จักนายชูวิทย์ มาตั้งแต่เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ร.ต.อ. สืบสวนเหนือ (ตำแหน่งในอดีต) ขณะที่ นายชูวิทย์ ประกอบธุรกิจอาบอบนวดย่านรัชดา ก่อนที่นายตำรวจคนดังกล่าวจะเติบโตในหน้าที่ราชการเรื่อยมา จนขึ้นเป็น พล.ต.ต. ผู้บังคับการ จว.นครศรีธรรมราช จากนั้นโยกย้ายมาเป็นจเร จนกระทั่งเกษียณอายุราชการในตำยศ พล.ต.ท. จึงทำให้สายสัมพันธ์ของนายชูวิทย์และนายตำรวจคนดังกล่าว สนิทแนบแน่นยาวนานมากกว่า 30 ปี

ส่วน พล.ต.ต. “อ” เป็นนักเรียนนายร้อยรุ่น 41 ที่ถูกระบุว่าเป็น 1 ใน 3 ที่นำเงินเข้าไปให้นายชูวิทย์ ซึ่งเป็นคนที่ทนายษิทรา ระบุว่า เป็นคนของสารวัตรซัว ปัจจุบันยังคงดำรงตำแหน่งในราชการย่านสี่แยกปทุมวัน ซึ่งจะมีความสำคัญที่สามารถเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์นี้ได้ เนื่องจากพบว่านายตำรวจคนดังกล่าว เติบโตจากนครบาล ต่อด้วย บช.ก. กระทั่งเป็น พล.ต.ต. ผู้บังคับการจังหวัดอ่างทอง ก่อนจะเป็นรองตำรวจสันติบาล แล้วไป รอง ผบช.ภ.6 ก่อนที่จะออกจากตำรวจไปรับราชการอีกหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาจะมีผลงานโดดเด่นเป็นที่รู้จักของสื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป

ดังนั้น ทางทีมข่าวคาดว่านายตำรวจ 2 นายนี้ ไม่น่าจะรู้จักสารวัตรซัวเป็นการส่วนตัว แต่เชื่อว่าจะมีคนบงการ หรือเป็นตัวกลางที่สั่งการให้2นายตำรวจนำเงินจากสารวัตรซัวไปมอบให้กับ นายชูวิทย์

ส่วนนายบ่อน ที่ถูกระบุว่าชื่อเล่นว่า “ส” พบว่า เป็นเจ้าของบ่อนย่านพระราม 3 ที่เกิดเหตุยิงกันภายในบ่อนจนทำให้มีนายตำรวจระดับสารวัตรเสียชีวิตเมื่อ 3 ปีก่อน ซึ่งทราบว่ามีความสนิทสนมกับสารวัตรซัว เนื่องจากนายบ่อนในอดีตแต่ละคนที่จะเปิดเล่นในรูปแบบบ่อนคลาสสิก และได้ถูกสารวัตรซัว ชักชวนมาทำในรูปแบบพนันออนไลน์เพราะมีรายได้ดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถติดตามตัวได้ เนื่องจากมีนอมินีหรือบัญชีม้ายากต่อการติดตาม จึงมองได้ว่าการที่ 2 นายตำรวจ และ 1 นายบ่อน จะเข้าพบนายชูวิทย์ด้วยการนำเงิน 6 ล้านบาทไปมอบให้ จะต้องมีคนที่สั่งการทั้ง 3 คนนี้ได้ซึ่งเป็นตัวบ่งการคนเดียวกัน เพราะว่าสารวัตรซัวอยู่ต่างประเทศ ฉะนั้นเส้นทางการเงินจะต้องให้ตำรวจเป็นคนตรวจสอบ ว่าทำไมเงินสด 6 ล้านถึงมาอยู่ในมือชูวิทย์ได้ แต่หากถามว่าทำไมธุรกิจสีเทา ถึงจะต้องมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็เปรียบเสมือนภาพยนตร์ไทยหรือละครน้ำเน่าที่จะต้องมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องเสมอ

คุณอาจสนใจ

Related News