สังคม

เสี่ยค้าปุ๋ยเมืองคอนร้องช่วย แก๊งคอลเซนเตอร์ตีซี้ลูก 10 ขวบ หลอกโอนเงินสูญ 1.2 ล้าน

โดย nicharee_m

30 ก.ค. 2565

234 views

เสี่ยค้าปุ๋ยเมืองคอนร้องสื่อลูก 10 ขวบเรียนออนไลน์ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกโอนเงินสูญ 1.2 ล้าน

เสี่ยค้าปุ๋ยเมืองคอนร้องสื่อลูก 10 ขวบเรียนออนไลน์ถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกโอนเงินสูญ 1.2 ล้าน-มาแนวใหม่หลอกเด็กผ่านการเล่นเกมส์ออนไลน์ล่อใจด้วยคะแนน แต่อดสงสัยว่าทำไม่ธนาคารไม่มีข้อความ sms แจ้งเหมือนทุกครั้งที่มีเงินโอนเขาโอนออกแถมธนาคารไม่ยอมให้ข้อมูลบัญชีปลายทาง

เมื่อวานนี้ (29 ก.ค.) นายณรงค์ฤทธิ์ คงทอง 49 ปี พ่อค้าปุ๋ยหอบหลักฐานร้องขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช โดยอ้างว่า มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรฯ เข้ามาหลอกเอาข้อมูลส่วนตัวจากลูกชายวัย 10 ขวบ ก่อนจะแอบทำธุรกรรมการเงินโดยที่ตนเองไม่ทราบ

กระทั่งโอนเงินไปเข้าบัญชีปลายทางถึง 65 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 7-25 ก.ค. 65 เป็นเงิน 1,206,000 บาท หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความกับตำรวจให้ช่วยติดตามคดีนี้ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่จนถึงตอนนี้ คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า จึงเข้ามาร้องสื่อให้ช่วยประสานฝ่ายงานเกี่ยวข้องช่วยติดตามเรื่องอีกครั้ง


นายณรงค์ฤทธิ์ เล่าอีกว่า ก่อนหน้านี้ ลูกของตนมาขอใช้โทรศัพท์เพื่อเรียนออนไลน์ และเล่นเกมออนไลน์ ปรากฏว่ามีมิจฉาชีพติดต่อเข้ามาเป็นจังหวะที่ลูกชายรับสาย อีกฝ่ายจึงพยายามตีซี้กับลูกด้วยการสอบถามว่าลูกชอบเล่นเกมอะไร อยากชนะหรือเปล่า อยากได้คะแนนมากกว่าเพื่อนหรือไม่ หากทำตามที่มิจฉาชีพบอกก็จะได้คะแนนสูงกว่าคนอื่น แต่มีเงื่อนไขว่า ห้ามบอกเรื่องนี้กับพ่อเด็ดขาด

ปรากฏว่าลูกของตนหลงเชื่อ ใช้มือถือถ่ายรูปบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งมีข้อมูลส่วนตัวส่งไปให้มิจฉาชีพ ก่อนจะแชตไลน์คุยกันหลายครั้งหลายหน ทำตามที่มิจฉาชีพบอกทุกอย่าง จนสุดท้ายมีการโอนเงินจากบัญชีธนาคารของตนไป ก่อนที่อีกฝ่ายจะบล็อกการติดต่อทั้งหมด

“ที่ตนแปลกใจก็คือ ตามปกติเมื่อมีเงินโอนเขาบัญชีหรือโอนออกจากบัญชี จะมีข้อความ sms ธนาคารแจ้งให้ทราบทุกครั้ง เพราะตนทำสัญญาตกลงไว้กับธนาคาร แต่ในกรณีนี้กลับไม่มีข้อความ sms แจ้งบอกกล่าวใดๆ แม้แต่น้อย ขณะที่ดอกเบี้ยที่ตนได้รับจากธนาคารในช่วงเดียวกัน กลับมีข้อความแจ้งทุกครั้ง และตามปกติแม้ตนจะทำธุรกิจจำหน่ายปุ๋ย แต่ไม่เคยโอนเงินผ่านทางออนไลน์เลย เพราะตนกลัวเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จนเมื่อตนนำสมุดบัญชีไปปรับ จึงได้รู้ความจริงว่าเงินถูกโอนออกไปต่อเนื่องถึง 65 ครั้ง

เมื่อขอดูบัญชีปลายทางจากธนาคาร กลับได้รับการปฏิเสธ อ้างว่าเป็นความลับของลูกค้า ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ จึงทำได้เพียงวอนให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีนี้ ว่ามิจฉาชีพใช้วิธีไหนโอนเงินของตนไปยังบัญชีอื่น เพราะตนไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเทคโนโลยีในโทรศัพท์ รวมทั้งจะติดตามเอาเงินคืนได้อย่างไร ตนอยากเตือนไปยังผู้ปกครอง ว่าให้ตรวจสอบโทรศัพท์มือถือให้ดี อย่าคิดว่าไม่ใช้โทรศัพท์ทำธุรกรรมการเงินแล้วจะไม่เกิดอะไรขึ้น เพราะคอลเซ็นเตอร์อาจพุ่งเป้ามาหลอกเอาข้อมูลจากบุตรหลาน ในแบบกรณีของตนก็เป็นได้”

สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้น นายเอ ยืนยันว่า กลุ่มมิจฉาชีพได้ข้อมูลเกี่ยวกับเลขบัตรประจำตัวประชาชนไปเท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้ ทางเพจเฟซบุ๊ก “ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ” ก็ได้เคยโพสต์แจ้งเตือนประชาชนไว้ว่า ให้ระวังมิจฉาชีพหลอกถามข้อมูล ชื่อ-สกุล เบอร์โทรศัพท์ วัน-เดือน-ปีเกิด และเลขท้ายบัตรประชาชน เพื่อนำไปทำธุรกรรมทางการเงิน อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นยังต้องรอการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันความชัดเจนต่อไป



คุณอาจสนใจ

Related News