"สหรัฐฯ" ประกาศยกระดับ “ฝีดาษวานร” เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐอเมริกาประกาศให้โรคฝีดาษวานร หรือ ฝีดาษลิง เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข เมื่อวานนี้ (05 ส.ค. 65) หลังพบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 7,100 คน


การประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข มีขึ้นเพื่อยกระดับการกระจายวัคซีน, การรักษา, และงบประมาณ รวมถึง ทรัพยากรต่าง ๆ จากรัฐบาลไปใช้ควบคุมการแพร่ระบาดที่กำลังลุกลามอย่างรวดเร็ว


นายแพทย์แอนโธนี เฟาซี ที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาแสดงความรู้สึกยินดี หลังการประกาศดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมา โดยเขามองว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินจะทำให้รัฐบาลสามารถจัดการกับการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว


อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหลายคน ออกมาแสดงความวิตกกังวลว่า การประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขอาจยิ่งทำให้หลายคนมองว่ากลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย เป็นกลุ่มเสี่ยงของการแพร่ระบาด แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนสามารถติดโรคฝีดาษลิงได้ด้วยการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ไม่ใช่แค่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น


โดยข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งแอฟริกาพบว่าการแพร่ระบาดโรคฝีดาษลิงไม่ได้จำกัดเฉพาะในกลุ่มชายรักชายเท่านั้น และว่าผู้ติดเชื้อที่แอฟริกาในปัจจุบัน แบ่งเป็นชาย 60% และหญิงอีก 40% ซึ่งส่วนใหญ่ติดเชื้อจากการสัมผัสกับสัตว์ ก่อนแพร่เชื้อให้กับคนในครอบครัว


นอกจากนี้ ยังระบุว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ติดเชื้อจากการดูแลผู้ป่วย ซึ่งจะเห็นว่ารูปแบบการแพร่ระบาดของโรคฝีดาษลิงในแอฟริกาแตกต่างจากที่อื่น ๆ


การประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของสหรัฐอเมริกา มีขึ้นหลังจากที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้โรคนี้เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศไปก่อนหน้านี้ และยังมีขึ้นหลังมีรายงานว่า สหรัฐอเมริกากำลังประสบปัญหาการขาดแคลนวัคซีนและยา


อย่างไรก็ดี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐฯ ประกาศว่า ได้สั่งวัคซีนไปแล้วกว่า 5 ล้านโดส ซึ่งคาดว่าจะถูกจัดส่งในเดือนพฤษภาคม ปีหน้า


ทั้งนี้ ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่า จนถึงขณะนี้ สหรัฐอเมริกาพบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้วอย่างน้อย 7,102 คน สูงที่สุดอยู่ในรัฐนิวยอร์ก จำนวน 1,748 คน ตามมาด้วย แคลิฟอร์เนีย และ ฟลอริดา จำนวน 826 คน และ 571 คน ตามลำดับ