ต่างประเทศ

วงในอ้าง 'คริส ร็อก' ไม่รู้มาก่อน เมีย 'วิลล์ สมิธ' ป่วยผมร่วงเป็นหย่อม ต้นเหตุตบสนั่นเวทีออสการ์

โดย thichaphat_d

29 มี.ค. 2565

627 views

นาทีช็อกโลก กลางงานประกาศรางวัล ออสการ์ นักแสดงชื่อดัง วิลล์ สมิธ ตบหน้า คริส ร็อก นักแสดงตลก กลางเวที หลังเล่นมุขล้อเลียนทรงผมภรรยา ขณะที่ออสการ์ ออกแถลงการณ์ “ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงทุกรูปแบบ”


งานประกาศรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 94 ที่นครลอสแองเจลิส สหรัฐฯ เปิดฉากอย่างสวยงาม เมื่อค่ำคืนวันที่ 27 มี.ค.ตามเวลาท้องถิ่น หรือ เช้าวานนี้ (28 มี.ค.) ตามเวลาบ้านเรา

แต่ในระหว่างการประกาศรางวัล ได้เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อ วิลล์ สมิธ นักแสดงชื่อดังวัย 53 ปี ที่เข้าร่วมงานในฐานะหนึ่งในผู้ได้เสนอชื่อเข้าชิงสาขานักแสดงนำยอดเยี่ยม ได้ขึ้นไปตบหน้า คริส ร็อก คอมเมเดียนชื่อดังวัย 57 ปี กลางเวที หลังจากคริส ร็อก พูดจาล้อเลียนทรงผม เจดา พิงคิตต์ สมิธ ภรรยาของเขา ทำเอาผู้ร่วมงานหลายคนตกใจและนิ่งอึ้งกันไปทั้งงาน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในระหว่างที่ คริส ร็อก นักแสดงตลก ขึ้นไปประกาศผลรางวัลออสการ์ สาขา สารคดียอดเยี่ยม คริส ร็อก ได้พูดแซว เจดา พิงคิตต์ สมิธ ภรรยาของวิล สมิธ ที่นั่งอยู่ข้างๆ โดยพูดว่า เจดา ผมรักคุณ หนังจีไอเจน 2 (GI Jane 2) ผมอดใจรอไม่ไหวที่จะได้ชม ซึ่งเป็นการล้อเลียน ทรงผมของเจดา ที่เหมือนกันกับนักแสดงหญิงที่เป็นทหารหญิงในเรื่อง GI Jane 2  ต้องโกนผม นั่นเอง

มุขตลกของคริส ร็อก อาจทำให้หลายคนหัวเราะ แต่ไม่ใช่สำหรับ เจดา เพราะหลังจากที่เธอได้ยิน เธอถึงกับหน้าเจื่อน จากนั้นไม่นาน วิลล์ สมิธ ลุกออกจากที่นั่งของตัวเอง ขึ้นเวทีไปตบหน้า คริส ร็อก เสียงดังสนั่น ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดไมค์บนเวที กันจ้าละวั่หน เพราะกลัวเสียงคำไม่สุภาพจะหลุดออกอากาศ

จากนั้น วิลล์ สมิธ ก็ลงมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม ด้วยอาการฉุนเฉียว ขณะที่ คริส ร็อก แก้ต่างไปว่า นี่เป็นเพียงมุขตลก หนัง GI Jane 2 เท่านั้น แต่วิลล์ สมิธ ไม่ตลกกับมุกนี้ด้วย ตะโกนสวนกลับว่า หยุดเอ่ยชื่อภรรยาของผม ทำเอาอึ้งเงียบกันทั้งงาน

จากนั้น คริส ร็อก ก็รับปากด้วยสีหน้าเจื่อนๆ ก่อนที่จะพูดติดตลกว่า นี่เป็นค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์อย่างแน่นอน และก็เริ่มทำหน้าที่ประกาศรางวัลต่อ  

หลังจากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น มีภาพของแบรดลีย์ คูเปอร์ และเพื่อนนักแสดง เข้ามากอดให้กำลังใจ วิลล์ สมิธ และเพื่อนในวงการมาพูดคุยและปลอบใจเขา

งานประกาศรางวัลยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่ง วิลล์ สมิธ ได้มีโอกาสขึ้นเวทีออสการ์อีกครั้ง ในฐานะที่เขาคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง King Richard ซึ่งถือว่า เป็นออสการ์ตัวแรกของเขาบนเส้นทางฮอลลีวู้ด

วิลล์ สมิธ ได้กล่าวบนเวทีด้วยน้ำตานองหน้า ขอโทษผู้จัดงานมอบรางวัลออสการ์ รวมถึงขอโทษเพื่อน ๆ นักแสดงที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล แต่ไม่ได้กล่าวขอโทษร็อกโดยตรง นอกจากนี้ เขายังบอกว่า เขาถูกสั่งสอนให้รัก และปกป้องผู้อื่น และรู้ดีว่าการอยู่ในสายงานนี้ ต้องเจอกับอะไร ซึ่งรวมถึงการพูดจาไม่ให้เกียรติ ซึ่งทำได้แค่ฝืนยิ้ม แล้วก็บอกไม่เป็นไร

หลังจากเกิดเหตุไม่คาดฝันบนเวทีออสการ์ ทำให้เกิด #WillSmith และ #Oscars ติดเทรนทวิตเตอร์ อย่างรวดเร็ว และมีดาราฮอลลีวูด คนดัง หลายรายแสดงความไม่เห็นด้วยและตำหนิ วิลล์ สมิธ ที่ใช้ความรุนแรงแทนคำพูดในการแก้ปัญหา ถือเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม ถือเป็นการทำร้ายร่างกาย และมีการเรียกร้องให้ยึดรางวัลออสการ์คืน

แต่ประเด็นที่วิลล์ ปกป้องภรรยา ก็ทำให้มีหลายเสียงชื่นชม โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิง ในขณะที่บางส่วนมองว่าผิดทั้งคู่ วิลล์ สมิธ ผิดที่ใช้ความรุนแรง แต่คริส ร็อก ผิดที่นำอาการป่วยมาล้อเล่น

อย่างไรก็ตาม ตำรวจนครลอสแองเจลิส ได้ให้ข้อมูลว่า คริส ร็อก จะไม่แจ้งความเอาผิดกับวิลล์ สมิธ

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีมอบรางวัลไม่นาน แอคเคาต์ทวิตเตอร์ทางการของรางวัลออสการ์ก็ออกแถลงการณ์ ระบุว่า "สถาบันออสการ์ ไม่เห็นด้วยกับความรุนแรงในทุกรูปแบบ คืนนี้เราขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับผู้ที่ได้รับรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 94 พวกเขาสมควรได้รับการยกย่องทั้งจากเพื่อนๆและผู้ชื่นชอบภาพยนตร์จากทั่วโลก”

ทั้งนี้เหตุที่ เจดา ภรรยาของวิลล์ สมิธ ต้องโกนผม เพราะเธอมีอาการผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia areata) ที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งความผิดปกติของภูมิคุ้มกันร่างกาย จนทำลายต่อมรากผม รวมถึงการติดเชื้อ และปัจจัยทางพันธุกรรมจากคนในครอบครัว


ทั้งนี้ มีรายงานว่าคริส ร็อก เคยพูดจาเสียดสี เจดาและวิลล์ สมิธ หลายครั้ง จนเกิดการสะสมขึ้นมาและมีกระแสข่าวว่าคริส ร็อก ไม่รู้มาก่อนว่าเจดา มีอาการป่วยโรคผมร่วงเป็นหย่อม ซึ่งมองได้ว่าหากไม่รู้จริงๆ ก็ถือว่าไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็มีบางส่วนมองว่า ที่ผ่านมาอาการป่วยของเจดาถูกเปิดเผยมาหลายปี เป็นไปได้จริงหรือที่คริส ร็อก จะไม่รู้ข่าวนี้


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/byA_vTsvgvw


คุณอาจสนใจ

Related News