ต่างประเทศ

'รัสเซีย-ยูเครน' ปะทะเดือด - 'เซเลนสกี' ลงนามสมัครเป็นสมาชิก EU - นานาชาติส่งอาวุธช่วยยูเครน

โดย thichaphat_d

1 มี.ค. 2565

204 views

การเจรจาระหว่างฝ่ายผู้แทนยูเครน และรัสเซียรอบแรกล้มเหลวไม่เป็นท่า ยังคงไม่เห็นพ้องในหลายเรื่อง ขณะที่กองทัพรัสเซียเปิดฉากบอมบ์อย่างหนักหน่วง ทั้งที่กรุงเคียฟ เมืองหลวงของประเทศ และที่เมืองคาร์คีฟ ทางตะวันออกของยูเครน


โดย คณะผู้แทนรัฐบาลยูเครน นำโดย นายโอเล็กซี เรซนิคอฟ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยูเครน และ นายมิไคโล โรโดลยัก ผู้ช่วย และที่ปรึกษาของ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ซึ่งสถานที่เจรจากันคือที่เมือง ‘กอเมล’ ของเบลารุส ซึ่งอยู่ติดชายแดนยูเครน


ฝ่ายยูเครนได้แสดงความต้องการอย่างชัดเจน ว่าขอให้รัสเซียหยุดยิง และถอนทัพออกไปจากยูเครน  ซึ่งทางรัสเซียปฏิเสธ ทำให้การเจรจายุติลงโดยไม่ได้ข้อสรุป และคาดว่าจะเปิดการเจรจารอบที่ 2 ขึ้นอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ไม่มีการกำหนดวันขณะนี้


นายมิไคโล โรโดลยัก ที่ปรึกษาของผู้นำยูเครนกล่าวว่า น่าเสียดายที่ฝ่ายรัสเซียยังคงมีมุมมองที่เอียงอย่างมากที่สุดต่อกร ะบวนการทำลายล้างทางทหารที่เกิดขึ้น  ขณะที่ฝ่ายรัสเซียกล่าวว่า เราได้แสดงความต้องการในเรื่องที่เราคาดการณ์ไว้ได้อยู่แล้ว


ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดี เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ได้ยอมรับว่าไม่หวังว่าการเจรจาครั้งนี้จะได้ผล แต่ก็ต้องยอมเปิดการเจรจา และอย่งาน้อยก็เพื่อให้ได้เข้าร่วมเพื่อประชาชนชาวยูเครน


ขณะเดียวกัน สถานการณ์สู้รบยังคงดำเนินไปอย่างดุเดือด โดยล่าสุด กองทัพรัสเซียเปิดฉากยิงถล่มด้วยจรวดครั้งใหญ่ถล่มบริเวณชานกรุงเคียฟเมืองหลวงของประเทศอย่างหนักหน่วง


จากภาพ จะเห็นการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เกิดไฟลุกท่วมอย่างน่ากลัว โดยการโจมตีครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ รัฐบาลรัสเซียได้เตือนชาวยูเครนให้หนีออกจากกรุงเคียฟ โดยด่วนตามเส้นทางที่กำหนดไว้ซึ่งจะมีความปลอดภัยมากกว่า


ขณะเดียวกัน สำนักงานพลังงานปรมณูสากล (ไอเออีเอ) เปิดเผยว่า มีมิสไซล์ของรัสเซียเข้าเป้าไปที่ แหล่งเก็บกากนิวคลียร์ในกรุงเคียฟด้วย แต่โชคดีในขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่า เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีขึ้น แต่ทว่าเจ้าหาที่จะเร่งทำการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน เนื่องจากหากเกิดการรั่วไหลขึ้น จะทำให้เกิดหายนะภัยครั้งใหญ่ทีเดียว


ส่วนที่เมือง ‘คาร์คีฟ’ ซึ่งเป็นสมรภูมิที่ดุเดือดที่สุดอีกแห่งหนึ่ง ทางตะวันออกของยูเครน ปรากฏว่า กองทัพรัสเซียได้ใช้ ‘ระเบิดดาวกระจาย’ หรือที่เรียกว่า ‘คลัสเตอร์บอมบ์’ ซึ่งเป็นอาวุธที่มีการทำลายล้างสูง และถูกนานาชาติแบน โดยรัสเซียได้นำมาใช้ในการถล่มที่เมืองนี้ด้วยฃ


จากภาพนี้จะเห็นว่า ได้เกิดระเบิดขึ้นเป็นแนวกว้าง และรุนแรงทันที หลังจากที่รัสเซียได้โจมตีด้วยคลัสเตอร์บอมบ์ นอกจากนั้น ในหลายจุดของเมือง ก็ยังถูกโจมตีด้วยจรวด ‘บีเอ็ม-21 กราด’ สร้างความเสียหายให้กับเมืองคาร์คีฟอย่างหนัก  


ล่าสุด ได้มีการเผยภาพ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เซ็นใบสมัครพายูเครนเข้าไป EU โดยลงนามในสถานที่หลบภัย โดนมีข้อความระบุว่า “นี่คือช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์”


อย่างไรก็ตาม ยังต้องใช้เวลาอีกหลายปี กว่าที่ EU จะพิจารณาความพร้อมของยูเครน ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน แถลง เรียกร้องให้สหภาพยุโรป (อียู) รับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกอียูในทันทีผ่านขั้นตอนพิเศษทันที  โดยชี้ว่าเป้าหมายคืออยู่ร่วมกับชาวยุโรปทุกคน และที่สำคัญที่สุดคือ อยู่บนความเท่าเทียมกัน ซึ่งตนเชื่อมั่นว่าเป็นธรรมและมีความเป็นไปได้


เซเลนสกีกล่าวว่า มีเด็กเสียชีวิตจำนวนมากนับตั้งแต่วันแรกที่รัสเซียโจมตียูเครน และคนอีกจำนวนไม่น้อยได้รับบาดเจ็บ และขอร้องให้ทหารรัสเซียวางอาวุธและออกจากไปยูเครน


ผู้นำยูเครนกล่าวกับทหารรัสเซียว่า “จงอย่าเชื่อผู้บัญชาการทหาร พวกโฆษณาชวนเชื่อของพวกคุณ แค่รักษาชีวิตของพวกคุณไว้”


ทั้งนี้ ยูเครนอ้างว่า มีทหารรัสเซียมากกว่า 4,500 นายแล้วที่ต้องสูญเสียชีวิตไปในในระหว่างบุกโจมตียูเครนของรัสเซีย ทั้งนี้ รัสเซียยอมรับว่าฝ่ายตนเองมีทั้งผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ แต่ไม่ยอมเปิดตัวเลขว่าเป็นจำนวนเท่าใด


ผู้นำยูเครนยังกล่าวด้วยว่า ทางการจะปล่อยตัวนักโทษที่มีประสบการณ์ในการสู้รบ เพื่อมาช่วยกันปกป้องประเทศจากศัตรู โดยกล่าวว่าเราได้ตัดสินใจในสิ่งที่ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายหากมองในแง่ศีลธรรม แต่เป็นประโยชน์เมื่อมองในแง่การปกป้องของเรา


ทางด้าน นางเออร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวให้สัมภาษณ์สื่อว่า แท้จริงแล้วเมื่อเวลาผ่านไป ยูเครนถือเป็นหนึ่งในสหภาพยุโรป ระบุว่า “พวกเขาเป็นหนึ่งในพวกเรา และเราต้องการเห็นพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของอียูในเวลาที่กำหนด”


โจเซป บอร์เรลล์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของ EU กล่าวว่าประเทศสมาชิกตกลงที่จะปลดล็อกงบประมาณ 450 ล้านยูโร ให้รัฐสมาชิกซื้ออาวุธให้ยูเครน โดยมาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของชุดการสนับสนุนและการคว่ำบาตรที่หลากหลายซึ่งตกลงกันโดย 27 รัฐในสหภาพยุโรป นอกจากนี้ ยังอนุมัติอย่างเป็นทางการในการห้ามการทำธุรกรรมใดๆ กับธนาคารกลางรัสเซียด้วย


ซึ่งความจริงแล้ว สนธิสัญญาของ EU ห้ามไม่ให้กลุ่มใช้งบประมาณปกติเพื่อการทหารหรือการป้องกัน แต่นี่คือครั้งแรก ที่ EU ‘สิ่งอำนวยความสะดวกแห่งสันติภาพในยุโรป’ เพดานงบประมาณ 5,000 ล้านยูโร เพื่อช่วยเหลือทางทหารได้


ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ สวีเดนประกาศว่า จะฝ่าฝืนหลักการทางการเมืองระหว่างประเทศที่ว่าด้วยการไมส่งอาวุธไปยังประเทศที่มีความขัดแย้ง โดยจะส่งยุทโธปกรณ์ทางทหาร รวมทั้งเครื่องยิงต่อต้านรถถังไปยังยูเครน พร้อมทั้งยังมีการตัดสินใจส่งอาหารภาคสนาม 135,000 ชิ้น หมวกกันน็อค 5,000 ชิ้น ชุดเกราะ 5,000 ชิ้น และเครื่องยิงต่อต้านรถถังแบบใช้ครั้งเดียว 5,000 เครื่อง อีกด้วย


ด้านรัสเซีย หลังจากที่ถูกนานาชาติคว่ำบาตร ได้ทำให้ค่าเงินรูเบิลอ่อนตัวลงอย่างรุนแรง จุงทำให้เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางรัสเซียได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 10.5% สู่ระดับ 20% จากระดับ 9.5%  เพื่อรับมือกับการทรุดตัวของค่าเงินรูเบิล และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น


นอกจากนั้น ยังสั่งให้บริษัทเอกชนของรัสเซีย ขายสกุลเงินต่างประเทศที่ถือครองอยู่ในอัตราส่วน 80% ของรายได้ที่ได้จากการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนตลาดภายในประเทศ และรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากการถูกชาติตะวันตกคว่ำบาตรในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา


การประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 10.5%  มีเป้าหมายที่จะสกัดการทรุดตัวของค่าเงินรูเบิลของรัสเซีย โดยเมื่อวานนี้ สกุลเงินรูเบิลร่วงลงเกือบ 30% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แตะที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อันเนื่องมาจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรที่นานาชาติบังคับใช้กับรัสเซีย ท่ามกลางกระแสต่อต้านกรณีรัสเซียรุกรานยูเครนที่เพิ่มสูงขึ้น


นอกจากรัสเซียจะตีเมืองยูเครนแล้ว รัสเซียสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ‘มรียา’ ซึ่งเป็นเครื่องบินขนส่งลำใหญ่ที่สุดในโลกของยูเครน รุ่น อันโตนอฟ อัน-225 ถูกทำลายอย่างย่อยยับระหว่างการรุกราน ยูเครน ของรัสเซีย


ทางการยูเครนระบุว่า เครื่องบินขนาดมหึมา ชื่อ มรียา (Mriya) หรือ ความฝัน ในภาษายูเครน จอดอยู่ที่สนามบินใกล้กรุงเคียฟ ถูกโจมตีโดยผู้โดยสารชาวรัสเซีย และทางการยูเครนระบุว่า จะประกอบเครื่องบินลำนี้ขึ้นใหม่


บริษัท อันโตนอฟ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินลำดังกล่าว ได้ โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ว่า ยังไม่สามารถตรวจสอบสภาพทางเทคนิคของเครื่องบินได้จนกว่าจะได้รับการตรวจสอบจากผู้เชี่ยวชาญ


ทั้งนี้ เครื่องบินลำดังกล่าวดังกล่าวลงจอดที่สนามบินใกล้กรุงเคียฟ เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ซึ่งอยู่ระหว่างการซ่อมบำรุง  และเครื่องยนต์เครื่องหนึ่งถูกถอดออกเพื่อทำการซ่อมแซม และเครื่องบินไม่สามารถขึ้นบินได้ในวันนั้น ก่อนที่จะถูกทำลายอย่างย่อยยับ


ทางด้าน บริษัทการป้องกันประเทศของรัฐยูเครน หรือ “อูโครโบรอนปรอม”  ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ บริษัทอันโตนอฟ  ระบุว่า เครื่องบินลำดังกล่าวถูกทำลาย แต่จะสร้างขึ้นมาใหม่ด้วยค่าใช้จ่ายของรัสเซีย ซึ่งคิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (900 ล้านบาท)


และด้วยเหตุที่เซเลนสกี้ ได้มีคำสั่งห้ามชายชาวยูเครนิายุ 18-60 ปี ออกนอกประเทศ ทำให้เกิดภาพของหนูน้อยชาวยูเครน ชื่อว่า มาร์ค กอนชารูค ที่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ส ขณะที่ครอบครัวต้องเดินเท้า อพยพหนีออกนอกประเทศ เพื่อหลีกหนีสงครามที่เกิดขึ้น แต่ทว่าพ่อของหนูน้อยไม่สามารถเดินทางไปด้วยได้เนื่องจากยูเครนมีคำสั่งห้ามชายอายุระหว่าง 18-60 ปี หนีออกนอกประเทศ


หนุ่มน้อยกล่าวทั้งน้ำตาว่า "เราต้องทิ้งพ่อไว้ที่เคียฟ และพ่อผมจะต้องขายทุกอย่างทิ้ง และไปช่วยวีรบุรุษของเรา พ่ออาจจะต้องไปสู้กับศัตรูด้วย"


ทั้งนี้ จากวิกฤตที่เกิดขึ้น ทำให้ ชาวยูเครนกว่า 4 แสนคน ต้องอพยพไปยังประเทศเพื่อนบ้านกันเป็นจำนวนมาก เกิดวิกฤติด้านมนุษยธรรมครั้งใหญ่ในยุโรป โดยผู้อพยพส่วนใหญ่ถึงกับใช้วิธีการเดินเท้าข้ามพรมแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านเช่นโปแลนด์



คุณอาจสนใจ

Related News