เผยผลสำรวจ คนจีนมากกว่าครึ่ง ยังไม่คิดเที่ยวต่างประเทศ เหตุกลัวติดเชื้อโควิด

รอยเตอร์ส รายงานผลการศึกษา พบว่า ชาวจีนมากกว่าครึ่งบอกว่าแม้ว่าวันพรุ่งนี้รัฐบาลจะเปิดพรมแดน แต่พวกเขาก็จะยังไม่มีแผนเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศออกไปหลายเดือน หรือมากกว่าหนึ่งปี เป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่าการฟื้นตัวจากมาตรการคุมเข้มโควิดของจีนยังคงต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่ง

ผลการศึกษาดังกล่าวจัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษา 'โอลิเวอร์ ไวแมน'  ได้มีการสอบถามความเห็นของชาวจีนราว 4,000 คน ซึ่งจัดทำไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ก่อนหน้าจะมีการประชุมใหญ่ของพรรคคอมมิวนิสต์ โดยผลการสำรวจพบว่า ความกังวลอันดับหนึ่ง สำหรับผู้ที่บอกว่าจะเลื่อนการเดินทางไปต่างประเทศออกไปคือความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด

ส่วนความวิตกกังวลอันดับสองคือ การเปลี่ยนแปลงแนวทางในการเดินทางกลับเข้าประเทศจีนหลังเสร็จสิ้นการท่องเที่ยว

โดยผู้ตอบแบบสอบถามมากถึง 51% ระบุว่า จะชะลอการเดินทางระหว่างประเทศ  แต่ถ้าจะเดินทางไปก็จะเดินทางไปจุดหมายปลายทางใกล้ๆ  โดยจุดหมายอันดับแรกก็คือ 'ฮ่องกง'  

ขณะที่ ผู้ทำธุรกิจค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค ระบุว่า ผู้คนใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ดังนั้น แม้ว่าจะเดินทางได้ แต่ก็ไม่คิดว่าชาวจีนจะกลับมาท่องเที่ยวในทันทีทันใด         

ขณะเดียวกัน ผู้ตอบแบบสอบถามราว 44% บอกว่าเงินออมส่วนตัวที่เพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้นในปีหน้า โดยการใช้จ่ายจะเน้นไปที่การจับจ่ายใช้สอยเพื่อสุขภาพ การดูแลร่างกาย และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ยังไม่ใช่เพื่อการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ นับตั้งแต่จีนปิดประเทศเนื่องจากการระบาดของโควิด ทำให้คนจีนมีเงินออมสูงขึ้น โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนกันยายนปีนี้ เงินฝากของชาวจีนเพิ่มขึ้นเป็น 13 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 65 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2021 ราว 8.5 ล้านล้านหยวน