ประท้วงอิหร่านลามหนัก ม็อบพยายามบุกสถานทูตในลอนดอน – ปารีส

สถานการณ์การประท้วงต่อต้านจากการ เสียชีวิตของสตรีอิหร่านวัย 22 ปี คนหนึ่ง ที่ถูกตำรวจอิหร่านควบคุมตัว จนทำให้เธอเสียชีวิต หลังถูกกล่าวว่ากระทำผิดกฎการสวมผ้าคลุมศีรษะนั้น

ล่าสุด การประท้วงที่ลุกลามไปทั่วอิหร่าน และในหลายเมืองของยุโรปนั้นรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการประท้วงที่กรุงลอนดอนของอังกฤษ และที่กรุงปารีสของฝรั่งเศสนั้นได้ลุกลามกลายเป็นการปะทะกับตำรวจ

การประท้วงที่ลอนดอน มีความวุ่นวายที่เกิดขึ้น หลังจากที่ผู้ประท้วง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอิหร่านอพยพ พยายามจะบุกเข้าไปในสถานทูตอิหร่าน ในกรุงลอนดอน และเกิดการปะทะกับตำรวจอย่างรุนแรง จนทำให้มีผู้ถูกจับกุมจำนวนมาก

ส่วนการประท้วงที่ปารีส ส่วนภาพนี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่กรุงปารีส ซึ่งผู้ประท้วงพยายามที่จะบุกเข้าไปในสถานทูตอิหร่านเช่นเดียวกัน และเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ทั้งนี้ ต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ทางด้านประธานาธิบดีอิบราฮิม ไรซี ของอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านต้องจัดการอย่างเด็ดขาดกับการประท้วงที่ขยายวงกว้างไปทั้งประเทศ โดยขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 41 ราย จากเหตุการณ์ความไม่สงบตลอดสัปดาห์ผ่านมา ขณะที่ตัวเลขอย่างเป็นทางการยังไม่ได้รับการเปิดเผย การประท้วงได้ลุกลามไปยัง 31 จังหวัดของอิหร่าน

นายไรซี กล่าวว่า อิหร่านต้อง “จัดการกับผู้ที่คัดค้านความมั่นคงและความสงบของประเทศอย่างเด็ดขาด” และเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็นการจลาจล

ทั้งนี้ การประท้วงปะทุขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของอิหร่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่งานศพของมาห์ซา อามินี หญิงชาวเคิร์ดวัย 22 ปี ที่เสียชีวิต หลังจากเข้าสู่อาการโคม่านาน 3 วัน หลังจากถูกคุมขังในกรุงเตหะราน โดยตำรวจศีลธรรมที่บังคับใช้กฎฮิญาบ ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งกายของสตรี

การตายของเธอได้จุดชนวนความโกรธเคืองในประเด็นต่างๆ รวมถึงข้อจำกัดเกี่ยวกับเสรีภาพส่วนบุคคลในอิหร่าน การแต่งกายที่เข้มงวดสำหรับผู้หญิง และเศรษฐกิจที่ตกต่ำจากการคว่ำบาตร

โดยสตรี มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการประท้วงครั้งนี้ มีการเผาผ้าคลุมศีรษะ ผู้หญิงบางคนได้ตัดผมของตนเองในที่สาธารณะ ในขณะที่ฝูงชนที่โกรธแค้นเรียกร้องให้มีการโค่นล้ม อญาตอลเลาะห์ อาลี คามาเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่านด้วย