อนามัยโลก เผยยังไม่พบการ 'กลายพันธุ์' ของฝีดาษลิง ไม่ต้องเร่งฉีดวัคซีน เน้นรักษาสุขอนามัย

วานนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุ ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งฉีดวัคซีน เพื่อป้องกันฝีดาษลิง หลังพบผู้ติดเชื้อนอกทวีปแอฟริกาแล้วใน 10 กว่าประเทศ พร้อมย้ำว่า การรักษาสุขอนามัย และ “มีเซ็กซ์แบบปลอดภัย” จะช่วยควบคุมการระบาดของโรคได้

ริชาร์ด พีบอดี หัวหน้าคณะทำงานด้านเชื้อก่อโรคที่มีความเสี่ยงสูงของ WHO ประจำภูมิภาคยุโรป ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์lว่า ไวรัสฝีดาษลิงไม่ได้ติดต่อกันง่ายๆ และเวลานี้ ยังไม่พบผู้ป่วยที่อาการรุนแรง ดังนั้น การติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดและกักตัว จึงยังเป็นมาตรการควบคุมโรคที่ได้ผลดีอยู่

ขณะเดียวกันก็เตือนถึง “ผลข้างเคียง” ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้วัคซีนต่อสู้กับไวรัสชนิดนี้ อีกทั้ง เวลานี้ ทั้งวัคซีนและยาต้านไวรัสยังมีค่อนข้างจำกัด

ก่อนหน้านั้น ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (ซีดีซี) ประกาศจะนำวัคซีน "จีนเนียส"  Jynneos ซึ่งเป็นวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษ มาใช้กับผู้ป่วยฝีดาษลิง ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีก็ระบุ ว่า กำลังประเมินทางเลือกต่างๆ ในการใช้วัคซีน ส่วนอังกฤษนั้นได้ฉีดวัคซีนให้แก่บุคลากรทางการแพทย์บางส่วนไปแล้ว

ทั้งนี้ หน่วยงานสาธารณสุขยุโรปและอเมริกาเหนือกำลังเร่งสอบสวนที่มาที่ไปของโรค หลังพบผู้ป่วยที่ยืนยันและต้องสงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิงมากกว่า 100 ราย ซึ่งนับเป็นการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ที่สุดของฝีดาษลิงนอกทวีปแอฟริกา