เงินเฟ้อมะกันพุ่ง แตะ 8.5% สูงสุดรอบ 41 ปี ผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครน

สหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภคในสหรัฐ (ซีพีไอ) ประจำเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นตัวชี้วัดระดับเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ปรับเพิ่มขึ้น 1.2%  จากเมื่อเดือนก่อนหน้า ถือเป็นการปรับเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่เดือนกันยานยน ปี 2005 เป็นต้นมา

และส่งผลให้ดัชนีซีพีไอ พุ่งขึ้นไปแตะที่ระดับ 8.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับว่าเป็นการปรับขึ้นที่สูงที่สุดในรอบ 41 ปี นับตั้งแต่เดือนธันวาคม 1981 เป็นต้นมาทีเดียว

โดย ปัจจัยหลักมาจากสงครามในยูเครน ที่ทำให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก

นอกจากราคาพลังงานแล้ว สหรัฐฯ ยังเผชิญปัญหาเรื่องห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่อง อุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้น บวกกับราคาค่าใช้จ่ายต่างๆ ตั้งแต่ค่าเช่าบ้าน น้ำมัน และอาหาร ที่พากันปรับตัวสูงขึ้น สร้างความยากลำบากให้กับชาวอเมริกันที่มีรายได้น้อย

ก่อนหน้านี้ เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว ออกมาเตือนว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนมีนาคมของสหรัฐจะปรับสูงขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องจากการบุกยูเครนโดยรัสเซีย ทำให้ราคาก๊าซในประเทศพุ่งสูงขึ้นเป็น 4.11 ดอลลาร์ต่อแกลลอน จาก 2.86 ดอลลาร์ในปีที่ผ่านมา