ขีปนาวุธ 12 ลูก ถูกยิงตกใกล้สถานกงสุลสหรัฐฯ ในอิรัก ยังไม่รู้ใครยิง

สถานการณ์โลกระอุต่อเนื่อง ในขณะที่วิกฤตยูเครนยังมีการสู้รบกันอย่างยืดเยื้อ

ล่าสุด ทางตอนเหนือของอิรัก ในพื้นที่ของชาวเคิร์ด เกิดเหตุขีปนาวุธ 12 ลูก ถูกยิงเข้าใส่ตกใกล้กับสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเมืองอิร์บิล  

ในตอนแรกนั้น รายงานข่าวระบุว่า ขีปนาวุธได้ตกลงใส่สถานกงสุล ก่อนที่ในเวลาต่อมา ล็อก กาฟารี หัวหน้าสำนักงานสื่อต่างชาติเคอร์ดิสถาน เผยว่า สถานกงสุลสหรัฐฯ รอดพ้นจากขีปนาวุธเหล่านั้น มีเพียงพื้นที่โดยรอบได้รับความเสียหาย โดยที่ไม่มีผู้เสียชีวิต หรือบาดเจ็บจากเหตุครั้งนี้

ภาพที่เห็นนี้ เป็นภาพขณะที่ขีปนาวุธตกใส่เป้าหมายและระเบิดเป็นดวงไฟขนาดใหญ่

ส่วนภาพนี้ เป็นเหตุการณ์ที่ห้องออกอากาศของสถานีโทรทัศน์ เคิร์ดดิสถาน 24 ซึ่งขีปนาวุธลูกหนึ่งตกใส่ใกล้ๆ อาคารทำให้ได้รับความเสียหายด้วย

เจ้าหน้าที่อิรักอีกคนหนึ่งระบุว่า ขีปนาวุธทิ้งตัวเหล่านั้นเป็นจรวดฟาเตห์-110 ที่ผลิตโดยอิหร่าน และยิงมาจากอิหร่าน เพื่อตอบโต้ที่สมาชิกกองกำลังปฏิวัติ 2 คนถูกสังหารในซีเรีย

อย่างไรก็ตาม  เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐฯ ระบุว่า ยังไม่แน่ใจว่า มีการยิงขีปนาวุธมากี่ลูก และตกลงที่ใดบ้าง และเจ้าหน้าที่อีกคนยืนยันว่า ที่ทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ ในบริเวณดังกล่าวไม่ได้รับความเสียหาย และไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่า สถานกงสุลเป็นเป้าหมายการโจมตี นอกจากนี้อเมริกายังประณาม “การโจมตีอย่างอุกอาจ” นี้ เป็นการรุกรานต่ออธิปไตยของอิรัก

เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อหลายวันก่อนอิหร่านประกาศว่า จะแก้แค้นอิสราเอลที่โจมตีใกล้กรุงดามัสกัสของซีเรีย จนทำให้สมาชิกกองกำลังปฏิวัติของอิหร่านเสียชีวิต 2 คน ซึ่งในวันอาทิตย์ สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่าน รายงานโดยอ้างข่าวจากสื่ออิรักว่า มีการโจมตีในเออร์บิลแต่ไม่ได้ระบุว่า ขีปนาวุธเหล่านั้นยิงมาจากที่ใด