18 ธ.ค. 2567
สืบสวนภาค 1 เดินหน้าขยายผล ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ความเสียหายหลายล้าน
สืบเนื่องจากปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์มักจะมีรูปแบบการหลอกหลากหลายรูปแบบ เช่น แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ต่างๆ หลอกเหยื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้โอนเงินมาตรวจสอบ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มบุคคลที่อ่อนไหวต่อการโน้มน้าวใจ, กลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี, กลุ่มข้าราชการเกษียณ จึงทำให้ถูกหลอกลวงได้ง่าย และปัจจุบันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีรูปแบบที่ซับซ้อน พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และยากต่อการถูกจับกุม แก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงเป็นผลกระทบรุนแรงต่อประเทศไทยอย่างมาก
แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการหลอกลวง ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่
1.เครื่องมือ (อุปกรณ์ส่งสัญญาณ หรือ Simbox) ซึ่งเป็นต้นทางในการหลอกลวง โดยจะทำหน้าที่ปิดบัง อำพราง เบอร์โทรศัพท์ที่แท้จริง และแสดงเป็นเบอร์อื่น ที่ใช้โทรไปหลอกลวงประชาชน
2. คน ซึ่งส่วนใหญ่จะสั่งการจากต่างประเทศ ทำให้ต้องใช้กระบวนการในการสืบสวนจับกุมค่อนข้างนาน และมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน โดยแต่ละหน้าที่ก็อาจจะไม่รู้จักกัน
3.บัญชีม้า เป็นปลายน้ำ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่ได้มาหลังเกิดเหตุแล้ว มีผู้สูญเสีย หรือเสียหายไปแล้ว และส่วนใหญ่ยากที่จะติดตามทรัพย์สินกลับคืนมาได้ในทันที
ทั้งหมดนี้ ตร.สืบสวนภาค 1 ได้ดำเนินการสืบสวนมาจากเคสที่มีผู้เสียหายในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายอยู่ที่หลักหมื่นบาท แต่ก็ต้องใช้เวลาในการสืบสวนพอสมควรจนทราบว่า จุดที่ตั้งเครื่องเหล่านี้อยู่ที่ใดบ้าง ซึ่งทาง ตร.สืบสวนภาค1 มองเห็นว่า การตรวจยึดอุปกรณ์เครื่องส่งสัญญาณ หรือ simbox เป็นการตัดทิ้งหรือทำลายขั้นตอนของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนที่พวกนี้จะใช้เครื่องมือเหล่านี้มาหลอกลวงประชาชน เป็นการช่วยเหลือประชาชนในทางป้องกัน ไม่ให้สูญเสีย ทรัพย์สิน ดีกว่าปล่อยให้เกิดเหตุแล้วค่อยมาติดตามจับกุม
ซึ่งชุดตรวจค้น นำโดย พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พร้อมกับเจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.1, เจ้าพนักงานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ได้ตรวจยึดอุปกรณ์ Sim box ดังนี้
1. ด้วยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจได้เข้าตรวจค้นคอนโดแห่งหนึ่ง ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี พบเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์เเบบใส่ซิมการ์ด (Sim box) และอุปกรณ์ต่างๆ พบความเชื่อมโยงกับคดีอื่นๆ อีกจำนวน 14 คดี มูลค่าความเสียหาย 1,200,000 บาท
2. จากการสืบสวนขยายผล พบว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด (Sim box) ที่คอนโดแห่งหนึ่ง แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้นำหมายค้น เข้าตรวจดังกล่าว พบเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด (Sim box) และอุปกรณ์ต่างๆ พบว่ามีความเชื่อมโยงตรงกับเคสของ สภ.บางเสาธง ที่ผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงิน จำนวน 25,308 บาท
3. จากการสืบสวนขยายผลของทั้ง 2 เคส พบว่ามีการตั้งเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด (Sim box) ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ถ.ประชาอุทิศ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้เข้าทำการตรวจค้น พบเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด (Sim box) และอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งนี้อยู่ระหว่างขยายผลหาความเชื่อมโยงกับเคสอื่นๆ
ทั้งนี้ตำรวจสืบสวนภาค 1 ขอประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนรู้เท่าทันกลโกงไม่ถูกหลอกเป็นเหยื่อ หากได้รับสายจากเบอร์แปลกปลอมให้วางสายทันที และโทรศัพท์ไปเช็กกับหน่วยราชการ หรือองค์กรนั้นๆ โดยตรงเพื่อตรวจสอบ และตำรวจสืบสวนภาค 1 จะป้องกันและปราบปราม บังคับใช้กฎหมายที่มีโทษหนักกับผู้ที่กระทำผิดฐาน “ร่วมกันทำ มีใช้ นำเข้า นำออกหรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต”
โดย gamonthip_s
17 ธ.ค. 2567
131 views
EP อื่นๆ
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567
17 ธ.ค. 2567