สืบสวนภาค 1 เดินหน้าขยายผล ตัดวงจรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ความเสียหายหลายล้าน

สืบเนื่องจากปัจจุบันแก๊งคอลเซ็นเตอร์มักจะมีรูปแบบการหลอกหลากหลายรูปแบบ เช่น แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ต่างๆ หลอกเหยื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้โอนเงินมาตรวจสอบ โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ กลุ่มบุคคลที่อ่อนไหวต่อการโน้มน้าวใจ, กลุ่มผู้สูงอายุที่ไม่คุ้นเคยกับเทคโนโลยี, กลุ่มข้าราชการเกษียณ จึงทำให้ถูกหลอกลวงได้ง่าย และปัจจุบันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีรูปแบบที่ซับซ้อน พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และยากต่อการถูกจับกุม แก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงเป็นผลกระทบรุนแรงต่อประเทศไทยอย่างมาก

แก๊งคอลเซ็นเตอร์มีการหลอกลวง ประกอบด้วย 3 ส่วน ได้แก่


1.เครื่องมือ (อุปกรณ์ส่งสัญญาณ หรือ Simbox) ซึ่งเป็นต้นทางในการหลอกลวง โดยจะทำหน้าที่ปิดบัง อำพราง เบอร์โทรศัพท์ที่แท้จริง และแสดงเป็นเบอร์อื่น ที่ใช้โทรไปหลอกลวงประชาชน


2. คน ซึ่งส่วนใหญ่จะสั่งการจากต่างประเทศ ทำให้ต้องใช้กระบวนการในการสืบสวนจับกุมค่อนข้างนาน และมีการแบ่งหน้าที่กันทำอย่างชัดเจน โดยแต่ละหน้าที่ก็อาจจะไม่รู้จักกัน


3.บัญชีม้า เป็นปลายน้ำ ซึ่งจะเป็นข้อมูลที่ได้มาหลังเกิดเหตุแล้ว มีผู้สูญเสีย หรือเสียหายไปแล้ว และส่วนใหญ่ยากที่จะติดตามทรัพย์สินกลับคืนมาได้ในทันที


ทั้งหมดนี้ ตร.สืบสวนภาค 1 ได้ดำเนินการสืบสวนมาจากเคสที่มีผู้เสียหายในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายอยู่ที่หลักหมื่นบาท แต่ก็ต้องใช้เวลาในการสืบสวนพอสมควรจนทราบว่า จุดที่ตั้งเครื่องเหล่านี้อยู่ที่ใดบ้าง ซึ่งทาง ตร.สืบสวนภาค1 มองเห็นว่า การตรวจยึดอุปกรณ์เครื่องส่งสัญญาณ หรือ simbox เป็นการตัดทิ้งหรือทำลายขั้นตอนของขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ก่อนที่พวกนี้จะใช้เครื่องมือเหล่านี้มาหลอกลวงประชาชน เป็นการช่วยเหลือประชาชนในทางป้องกัน ไม่ให้สูญเสีย ทรัพย์สิน ดีกว่าปล่อยให้เกิดเหตุแล้วค่อยมาติดตามจับกุม


ซึ่งชุดตรวจค้น นำโดย พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พร้อมกับเจ้าพนักงานตำรวจ บก.สส.ภ.1, เจ้าพนักงานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน  ได้ตรวจยึดอุปกรณ์ Sim box ดังนี้

1. ด้วยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2567 เวลา 08.30 น. เจ้าพนักงานตำรวจได้เข้าตรวจค้นคอนโดแห่งหนึ่ง    ต.ไทรม้า อ.เมือง จ.นนทบุรี พบเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์เเบบใส่ซิมการ์ด (Sim box)  และอุปกรณ์ต่างๆ พบความเชื่อมโยงกับคดีอื่นๆ อีกจำนวน 14 คดี มูลค่าความเสียหาย 1,200,000 บาท


2. จากการสืบสวนขยายผล พบว่ามีการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด (Sim box) ที่คอนโดแห่งหนึ่ง แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้นำหมายค้น เข้าตรวจดังกล่าว พบเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด (Sim box) และอุปกรณ์ต่างๆ พบว่ามีความเชื่อมโยงตรงกับเคสของ สภ.บางเสาธง ที่ผู้เสียหายถูกหลอกให้โอนเงิน จำนวน 25,308 บาท


3. จากการสืบสวนขยายผลของทั้ง 2 เคส พบว่ามีการตั้งเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด (Sim box) ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ถ.ประชาอุทิศ แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง จังหวัดกรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานตำรวจจึงได้เข้าทำการตรวจค้น พบเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์แบบใส่ซิมการ์ด (Sim box) และอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งนี้อยู่ระหว่างขยายผลหาความเชื่อมโยงกับเคสอื่นๆ


ทั้งนี้ตำรวจสืบสวนภาค 1 ขอประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนรู้เท่าทันกลโกงไม่ถูกหลอกเป็นเหยื่อ หากได้รับสายจากเบอร์แปลกปลอมให้วางสายทันที และโทรศัพท์ไปเช็กกับหน่วยราชการ หรือองค์กรนั้นๆ โดยตรงเพื่อตรวจสอบ และตำรวจสืบสวนภาค 1 จะป้องกันและปราบปราม บังคับใช้กฎหมายที่มีโทษหนักกับผู้ที่กระทำผิดฐาน “ร่วมกันทำ มีใช้ นำเข้า นำออกหรือค้าซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต, ร่วมกันตั้งสถานีวิทยุคมนาคมโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต”

โดย gamonthip_s

17 ธ.ค. 2567

131 views

EP อื่นๆ