สน.วังทองหลางเรียกตัวแทนกู้ภัย 2 มูลนิธิ หารือปมตีกันแย่งคนเจ็บ มูลนิธิร่วมกตัญญู มอบกระเช้าขอโทษคนเจ็บ

จากกรณี 2 มูลนิธิชื่อดังในกรุงเทพมหานคร เปิดศึกทะเลาะวิวาทกันอีกแล้ว ชนวนเหตุมาจากไม่พอใจที่แย่งคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล

ซึ่งช่วงบ่ายที่ผ่านมา (10 มิ.ย.) พันตำรวจเอกเจษฎา ยางนอก ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง เรียกตัวแทนมูลนิธิร่วมกตัญญู และมูลนิธิเพชรเกษมกรุงเทพ มาทำการพูดคุยหารือข้อสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น

โดยการพูดคุยเป็นไปในรูปแบบการคุยทีละฝั่ง โดยบรรยากาศในช่วงการพูดคุยมีรายงานว่าที่ประชุม มีการหาตัวมือชกที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูทั้งสองคน ซึ่งหนึ่งในตัวแทนของมูลนิธิเพชรเกษม กรุงเทพ ที่เดินทางมาในวันนี้ รับว่าเป็นผู้ใช้ความรุนแรงกับหนึ่งในอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจริง ส่วนอีกคนหนึ่งปฏิเสธไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ทำร้ายร่างกาย

โดยตำรวจวังทองหลางและมีการนำภาพจากกล้องหน้ารถของอาสาสมัครมูลนิธิลงกตัญญู ที่มีการนำเสนอข่าวไปตลอดวันนี้มาให้ผู้เสียหายได้ดูช่วงเวลาที่เกิดเหตุถูกทำร้ายร่างกาย และนำมาสอบถามกับทางฝั่งมูลนิธิเพชรเกษมว่าเป็นบุคคลในมูลนิธิหรือไม่

โดยในเบื้องต้นตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปถึงมือชกปริศนาอีกคนหนึ่งที่เข้ามาทำร้ายร่างกายอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เพราะทางมูลนิธิเพชรเกษม ยืนยันว่าไม่มีบุคคลที่เป็นกลุ่มคนต้องสงสัยของทางฝั่งคู่กรณีเป็นอาสาสมัครของทางมูลนิธิตนเอง ซึ่งในขณะนี้พันตำรวจเอกเจษฎา ยังคงเป็นตัวกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยเพื่อหาข้อสรุปในการทำงานร่วมกันในพื้นที่

โดยคาดว่าภายหลังเสร็จสิ้นหรือได้ข้อสรุปในการดำเนินการต่อจากนี้จะมีการออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนอีกครั้ง

ขณะที่ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับ นายบอย หากระสัง อายุ 25 ปี ผู้ประสบอุบัติเหตุที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูเข้าช่วยเหลือ ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ปะทะกันกับมูลนิธิเพชรเกษม

นายบอย ผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ตนเองขี่รถจักรยานยนต์ชนสุนัขได้รับบาดเจ็บเส้นเอ็นระหว่างไหปลาร้าและไหล่อักเสบฉีก มีบาดแผลถลอกฟกช้ำที่ใบหน้าและศีรษะ จากนั้นอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจึงได้เข้าช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่จะให้ตัวเองขึ้นรถ เตรียมพาส่งโรงพยาบาล ระหว่างนั้นก็มีรถของมูลนิธิคู่กรณีขับมาจอดปิดรอบด้าน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถพาตัวเองไปส่งโรงพยาบาลได้

จากนั้นมูลนิธิคู่กรณีก็มาโวยวายใส่ ลักษณะมาหาเรื่องคนขับรถมูลนิธิร่วมกตัญญู โดยไม่ได้สนใจว่าตนเองบาดเจ็บอยู่ภายในรถและต้องการที่จะรีบไปโรงพยาบาลซึ่งคนขับก็ได้ลงไปพยายามเคลียร์และขอร้องว่าจะพาตัวเองไปส่งโรงพยาบาลก่อน แต่ก็ไม่เป็นผล โดยเถียงกันอยู่ประมาณ 10 นาทีและเริ่มชุลมุนกัน ตัวเองเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยอาจจะโดนลูกหลงประกอบกับตัวเองรู้สึกเจ็บมาก ใบหน้าปูดบวม ลืมตาไม่ขึ้น ยกแขนไม่ขึ้นแล้ว ต้องการไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

จึงรีบเปิดประตูลงจากรถด้วยตัวเอง และกลับไปหาภรรยา ก่อนที่จะให้ภรรยาโทรเรียกรถมูลนิธิร่วมกตัญญูอีกชุดหนึ่งมารับตัวเองไปส่งโรงพยาบาล โดยตลอดเวลาที่ตัวเองลงจากรถมา มูลนิธิคู่กรณีก็ไม่ได้สนใจตัวเองเลย จึงคิดว่าไม่ใช่การแย่งผู้บาดเจ็บ แต่น่าจะมีปัญหาส่วนตัวกันมาก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ตัวเองอยากฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ ให้ผู้ที่เป็นอาสาสมัครกู้ภัยควรที่จะช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเป็นสำคัญ ส่วนจะมีปัญหาอะไรกันนั้น ก็ควรจะไปเคลียร์กันภายหลัง ขอให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในลักษณะแบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายอย่าให้เกิดแบบนี้อีก

ขณะที่ นายพิมพ์ชนก กรรมการอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้กับผู้ได้รับบาดเจ็บขณะที่มีการมอบกระเช้าแทนคำขอโทษในฐานะตัวแทนอาสาสมัคร ว่าทางมูลนิธิร่วมกตัญญูโดยตนเองในฐานะตัวแทนอาสาสมัครจะขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นที่ทางอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ดูแลผู้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ได้ไม่ดีมากพอนัก

โดยขณะที่มีการมอบกระเช้าให้กันตัวนายบอย ได้กล่าวตอบนายพิมพ์ชนกเพียงว่าเข้าใจและขอบคุณที่ในท้ายที่สุดแล้วตนเองก็ได้รับการช่วยเหลือจากมูลนิธิร่วมกตัญญูเช่นกัน