สังคม

ผอ.ถอนแจ้งความเด็ก ป.6 แล้ว หลังผปค.จ่ายค่าเสียหาย เหตุเล่นบอลชนวงจรปิดพัง ชี้แค่อยากปราม

โดย panwilai_c

30 ก.ย. 2565

208 views

กรณี ผอ.โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดกำแพงเพชร แจ้งความดำเนินคดี นักเรียนชั้น ป.6 ระบุว่า ทำกล้องวงจรปิดโรงเรียนเสียหาย ล่าสุดยอมถอนแจ้งความแล้ว หลังผู้ปกครองยอมชดใช้ค่าเสียหาย ชี้ไม่มีเจตนาดำเนินคดี



จากกรณี เพจ "Survive - สายไหมต้องรอด" โพสรูปภาพหมายเรียกเด็กชายคนหนึ่ง พร้อมระบุว่า ข้อความว่า จังหวัดกำแพงเพชร น้อง........ อายุ 11 ปี เด็กนักเรียนชั้น ป.6 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ถูก ผอ.โรงเรียน แจ้งความดำเนินคดี หลังน้องและเพื่อนๆนักเรียนเล่นบอลไปโดนกล้องวงจรปิดที่โรงเรียนได้รับความเสียหาย



เด็กๆกลัวความผิดจึงไปตัดสายไฟขาด โรงเรียนเรียกเก็บค่าซ่อม 3,300 บาท โดยให้หารกับเพื่อนนักเรียน 2 คนๆละ 1,650 บาท น้องอีกคนครอบครัวหาเงินมาจ่ายได้ ส่วนน้อง......ครอบครัวยากจนไม่มีเงินจ่าย จึงถูกดำเนินคดี เบื้องต้น พี่เอก ประสานร้อยเวรเจ้าของคดีเพื่อสอบถามข้อเท็จจริงแล้ว

ทั้งนี้หากทางโรงเรียนยอมถอนแจ้งความ พี่เอกจะช่วยจ่ายค่าเสียหาย 1,650 บาท ให้ เพื่อให้น้องไม่ต้องถูกดำเนินคดี.."



จนกลายเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในโลกออนไลน์มากมาย ว่าสิ่งที่ผอ.ดำเนินการดังกล่าว เป็นการกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่



ต่อมา ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบ กับ นายสมชาย ศรีสุข ผู้อำนวยการโรงเรียนดังกล่าว ได้นำคลิปวงจรปิดมาให้ผู้สื่อข่าวดู



โดยคลิปวงจรปิดนี้ เป็นคลิปเหตุการณ์เมื่อวันที่ 5 กันยายน เวลาประมาณ 16 นาฬิกา 54 นาที เห็นนักเรียนชายคนหนึ่ง เล่นวอลเลย์บอล แต่ลูกวอลเลย์บอลกระเด็นมาโดนกล้อง จากนั้นก็พยายามใช้ไม้เขี่ยลูกวอลเลย์บอลกลับคืนไปได้ แต่อีกสักพักลูกวอลเลย์บอลมาโดนกล้องอีก ก็เห็นภาพเหมือนเอาบางอย่างมาบังกล้องไว้



จากนั้นก็เห็นลักษณะเหมือนการโยนไม้กวาดไปกระเด็นให้โดนลูกวอลเลย์บอล จนออกนอกอาคาร และมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งเดินไปเก็บ จากนั้นก็เดินเอาเสื้อปิดหน้าถือลูกวอลเลย์บอลเดินกลับมา แล้วใช้เท้าเขี่ยไม้กวาดให้ออกจากมุมกล้องวงจรปิด จากนั้นก็ดูเหมือนว่า กล้องถูกบิดจากเดิมจนมุมกล้องเห็นแต่พื้น



ผอ. เล่าว่า กรณีนี้ วันเกิดเหตุมี เด็กนักเรียน 2 คน ไปเล่นวอลเล่ย์บอล แล้วไปโดนกล้องวงจรปิดของโรงเรียนพังเสียหาย ซึ่งมีนักเรียนกลัวเลยตัดสินใจนำไม้มาตีเพื่อทำลายกล้องวงจรปิด พร้อมทั้งตัดสายไฟและสายสัญญาณเพื่อปกปิดความผิด



แต่กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้ ทางโรงเรียนได้เรียกผู้ปกครองของเด็ก เข้ามารับทราบแล้ว พร้อมตกลงที่จะชดใช้ค่าเสียหายกว่า 3,000 บาท ซึ่งมีนักเรียน 2 คน คือ เด็กชายเอ และเด็กชาย บี โดยการพูดคุยกับผู้ปกครองเด็กชายทั้งสองคน ครั้งแรกยินยอมจ่ายค่าชดใช้ให้



แต่วันรุ่งขึ้น พ่อของเด็กชายบี ทราบเรื่อง ก็บอกทางโรงเรียนว่า ขอไม่ชดใช้อ้างว่า ลูกตนเองไม่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนมีการพูดคุยไกล่เกลี่ยเจรจามาแล้วรอบหนึ่ง



จนสุดท้ายเห็นว่า ควรต้องแจ้งความดำเนินคดี กับ เด็กชาย บี เพียงคนเดียว เพราะ ผู้ปกครอง เด็กชายเอ ได้จ่ายค่าเสียหายเรียบร้อย ผอ. ยืนยัน ที่ต้องดำเนินคดี เพราะต้องการปรามเด็กไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง



ล่าสุด นายสุพล จันทรต๊ะคาด ผู้อำนวยงานสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากำแพงเพชร เขต 1 พร้อมด้วย นายพงศ์พล สุเยาว์ นักสังคมสงเคราะห์บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดกำแพงเพชร เข้าพบผอ.โรงเรียน และครอบครัวของเด็กชายบี พร้อมรับฟังการอธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และร่วมดูคลิปวงจรปิดบันทึกไว้



ซึ่ง ผู้ปกครองติดใจว่า วันเกิดเหตุมีนักเรียนมาเล่นกันประมาณ 4-5 คน แต่ทำไมมีการแจ้งเก็บเงินค่าเสียหาย แค่ 2 คน แต่ทางโรงเรียน แจ้งว่า ในวงจรปิดเห็นภาพเด็กชาย บี อยู่ในกล้อง



ยืนยันว่า ไม่ได้เจตนา ดำเนินคดีให้เด็กเสียหาย เพราะโรงเรียนคิดถึงอนาคตเด็ก ซึ่งใช้เวลาการเจรจาประมาณ 30 นาที ต่อมาผู้ปกครองยินดีชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 1,650 บาท โดยทาง ผอ.โรงเรียนก็ดำเนินการถอนแจ้งความทันที



ด้าน เด็กชาย บี ให้ข้อมูลผ่าน กับเจ้าหน้าที่ พม.ว่า ยอมรับว่าเป็น คนในภาพวงจรปิดจริง โดยตนเข้ามาเล่นวอลเลย์บอล ภายในโรงเรียนกับเพื่อนๆ พอเล่นวอลเลย์บอล จนกระเด็นไปบริเวณอาคารเรียน จึงเดินไปเก็บลูกวอลเลย์บอล



ส่วนที่พยายามปิดหน้านั้น เพราะกลัวว่าครูจะเห็น ว่าตนแอบเข้ามาเล่นในเวลาเลิกเรียน และหลังจากเก็บลูกวอลเลย์บอลไปแล้ว ก็สังเกตเห็นว่า มีเพื่อนอีกคนยืนอยู่ตรงนั้น ในลักษณะกำลังมองไปที่กล้องวงจรปิด แต่ตนไม่ได้สนใจเพราะเดินออกมาเล่นกับเพื่อนแล้วก็ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน พร้อมยืนยัน ตนไม่ได้เป็นคนทำลายกล้องวงจรปิด หรือตัดสายไฟแต่อย่างใด



ขณะที่นาย เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้ให้สัมภาษณ์กับนักข่าวช่อง 3 ถึงกรณีน้องคนดังกล่าว ไม่ได้ทำความผิดแต่กลับโดนตั้งข้อหา



ส่วนตัวมองว่า การที่โรงเรียนออกมาแฉพฤติกรรมของเด็กนักเรียนนั้นไม่เหมาะสม อีกทั้ง เด็กชายบี ไม่ได้มีพฤติกรรมตามที่โรงเรียนกล่าวอ้าง และยังมองว่าอายุเพียง 11 ปี ยังไม่มีวุฒิภาวะในการตัดสินใจที่ดี แต่โรงเรียนกลับไปตัดสินและใส่ความผิด โดยไม่อบรมหรือพูดคุยก่อน ทำให้เด็ก ถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ต้องหา ไม่คำนึงถึงสภาพจิตใจเด็ก



รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/OkIKYoHRqYU

คุณอาจสนใจ

Related News