เศรษฐกิจ

ส.ภัตตาคารฯ ลุ้นศบค.ไฟเขียวนั่งทานในร้านได้ 50% 1 ก.ย. นี้

โดย panwilai_c

26 ส.ค. 2564

26 views

สมาคมภัตตาคารไทย ลุ้น ศบค. ไฟเขียว เปิดให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ 50% ในวันที่ 1 กันยายนนี้ ชี้ช่วยร้านอาหารมีรายได้กลับมา 50% พยุงการจ้างงาน


นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯคาดหวังอย่างมาก ว่า การประชุม ศบค. วันที่ 27 สิงหาคมนี้ จะมีการพิจารณาผ่อนปรนให้ร้านอาหารกลับมาเปิดให้นั่งรับประทานในร้านได้ไม่เกิน 50% โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขความเข้มงวดด้านสาธารณสุข ทั้งการกำหนดให้ผู้ที่จะเข้ามานั่งในร้านต้องได้รับการฉีดวัคซีน ครบโดส การคุมเข้มระยะห่าง รวมถึงร้านต้องได้มาตรฐาน SHA+


ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์ผู้ติดเชื้อที่เริ่มปรับตัวลดลง เชื่อว่าเป็นสัญญาณดี และ ศบค.น่าจะพิจารณาผ่อนปรนให้ร้านอาหารกลับมาเปิดบริการได้อีกครั้ง พร้อมยืนยันว่า กลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารมีความพร้อมที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัดเพื่อให้สามารถเปิดกิจการได้ โดยมองว่ากลุ่มที่ได้รับประโยชน์ชัดเจน คือกลุ่มร้านอาหารสตรีทฟู้ด ที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้น


ทั้งนี้ประเมินว่า หากวันที่ 1 กันยายนนี้ สามารถกลับมาเปิดให้นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ แม้เพียง 50% ของจำนวนที่นั่งในร้าน ก็จะช่วยให้รายได้ผู้ประกอบการ ที่เหลือเพียงไม่ถึง 20% ในปัจจุบัน กลับมาในระดับ 50% ได้ ซึ่งจะช่วยพยุงการจ้างงาน และต่อลมหายใจผู้ประกอบการให้อยู่รอดได้จนถึงวันที่สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และช่วยลดความเสียหายในภาพรวมของธุรกิจร้านอาหารลงได้พอสมควร


ขณะที่สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เสนอมาตรการผ่อนผันเร่งด่วนให้ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และร้านค้าต่างๆ สามารถกลับมาเปิดบริการได้ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนนี้เช่นกัน โดยมีเงื่อนไข และเกณฑ์ในการปฏิบัติที่เข้มข้น เช่น คัดกรองพนักงานโดย Platform Thai Safe Thai ทุกวัน หากพบว่ามีความเสี่ยง ให้ตรวจด้วย Antigen Test Kit ทันที ให้ร้านค้าประเมินตนเองตามหลักเกณฑ์ของ Thai Stop Covid+ ทุกเดือน ผู้ใช้บริการต้องปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ควบคุมจำนวนลูกค้า 1 คน ต่อ 5 ตารางเมตร และให้จองการเข้ารับบริการล่วงหน้า เป็นต้น โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทย พร้อมยกระดับการปฏิบัติการเข้มข้นขั้นสูงสุด เพื่อร่วมฝ่าฟันวิกฤตโควิด และร่วมฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง



สามารถดูข่าวทาง Youtube ได้ที่ : https://youtu.be/UG0ycizdRB0

คุณอาจสนใจ

Related News