'ขึ้นค่าไฟ' กระทบทั่วถึง โรงเรียนกระอัก หอการค้ารอคำตอบจากรัฐบาล จ่อถกซีอีโอ-ขอพบนายกฯ

รายงานข่าวจาก คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แจ้งความคืบหน้าการพิจารณาค่าไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้กลุ่มอื่น นอกเหนือจากกลุ่มครัวเรือน ซึ่งเดิม กกพ.เคาะอัตราจ่ายรวมไว้ที่ 5.69 บาทต่อหน่วย ว่า ขณะนี้ได้รับรายงานว่า บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้ส่งข้อมูลต้นทุนราคาเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แล้ว ดังนั้นวันที่ 26 ธันวาคมนี้ คาดว่า กฟผ.จะส่งข้อมูลมาให้ กกพ.เพื่อพิจารณาในขั้นตอนสุดท้าย


โดยขณะนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า ต้นทุนหลายส่วนมีการพิจารณาในขั้นสุดท้ายคงไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ยกเว้นในส่วนของต้นทุนเชื้อเพลิง คือ ราคาก๊าซ ราคาน้ำมัน และแนวทางการคืนหนี้ กฟผ. วงเงิน 1.2 แสนล้านล้านบาท ว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรได้บ้าง หากมีการปรับเปลี่ยนมีการยืดหนี้ออกไป ก็คาดว่าอาจต้องมีการเสนอคณะรัฐมนตรี พิจารณาวันที่ 27 ธันวาคมนี้ แต่ทั้งหมดต้องดูของ กฟผ.ที่จะหารือร่วมกันอีกครั้ง เชื่อว่าขั้นตอนการพิจารณาปรับสูตรค่าไฟเอกชนจะเสร็จภายในสิ้นปีนี้แน่นอน หลังจากนั้น กกพ.จะทำหนังสือแจ้ง กฟผ.ประกาศค่าไฟอย่างเป็นทางการต่อไป


รายงานข่าวระบุว่า สำหรับแนวทางการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้ใช้ไฟไม่เกิน 500 หน่วยต่อเดือน ซึ่งจะสิ้นมาตรการวันที่ 31 ธันวาคม 2565 นั้น ประเด็นนี้รัฐบาลต้องใช้เงินอุดหนุนสูงถึง 8,700 ล้านบาท ซึ่งคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติให้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) จัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซฯมาช่วย 6,000 ล้านบาท กรณีต้องรอความชัดเจนจาก ปตท.อีกครั้ง แต่ในเชิงมาตรการหากไม่ทันวันที่ 31 ธันวาคม ก็สามารถออกส่วนลดย้อนหลังให้ผู้ใช้ไฟได้ในเดือนมกราคม 2566 เป็นต้นไป ซึ่งรัฐบาลเคยดำเนินการลักษณะนี้มาก่อนแล้ว


ด้าน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานร่วมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีเจ้าของธุรกิจในทุกภาคส่วน ให้ข้อมูลถึงความเดือดร้อนจากการปรับขึ้นค่าไฟ และร้องขอให้หอค้าไทย และ กกร. ประสานไปยังรัฐบาล


ล่าสุด ผู้ประกอบการโรงเรียนหลายแห่ง แจ้งว่าได้รับเดือดร้อนมาก เพราะโรงเรียนหลายแห่งใช้เครื่องปรับอากาศในห้องเรียนและห้องกิจกรรมการเรียนการสอน จึงไม่ได้กระทบแค่ภาคอุตสาหกรรม การค้า บริหาร หรือท่องเที่ยว เท่านั้น สถาบันการศึกษาก็เจอปัญหาด้วย ภาคเอกชนจึงหวังว่าการประชุมคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) วันที่ 26 ธันวาคมนี้ จะมีการทบทวนค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ที่จะใช้ในเดือนมกราคมถึงเมษายน 2566 อัตรา 190.44 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าจัดเก็บอยู่ที่ 5.69 บาทต่อหน่วย รวมถึงทางออกเรื่องนี้


"เร็ว ๆ นี้ เตรียมจะจัดหารือผู้บริหารระดับสูง หรือซีอีโอ แต่ละองค์กร ทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อยื่นหนังสือและขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี หากรัฐบาลยังไม่ชัดเจนต่อการแก้ปัญหาดังกล่าว ขณะนี้ยังพอมีเวลาตัดสินใจก่อนปีใหม่ โดยภาคเอกชนพร้อมหาทางออกแก้ไขด้วยกัน" นายสนั่น กล่าว

และว่า หากค่าไฟภาคเอกชนไม่ปรับลดลง เบื้องต้นปี 2566 เงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 0.5% แน่นอน ส่งผลทั้งปี 3.5% ซ้ำเติมธุรกิจ โดยตัวเลขการใช้ไฟฟ้าของภาคอุตสาหกรรมมากกว่า 48% ภาคธุรกิจ 27% รวมกันเกือบ 70% มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จึงประเมินจีดีพีปี 2566 อาจจะกระทบ 0.3-0.5% ทำให้กรอบการเติบโตของจีดีพีไทยที่วางไว้ 3.0-3.5% อาจไม่ถึง

รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/AGH3uk8oojE