ผู้ผลิตจ่อขึ้นราคาสินค้า 10% ตามค่าไฟพุ่ง 4.72 บาท/หน่วย

นายมนตรี มหาพฤกษ์พงศ์ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยผลการสำรวจ FTI Poll ในหัวข้อ “วิกฤติค่าไฟฟ้าแพง กระทบอุตสาหกรรมแค่ไหน” พบว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่ มีความกังวลว่าการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าในอัตราที่สูงเกินไปในครั้งเดียว จะส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนและต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม โดยต้นทุนจากค่าไฟฟ้า คิดเป็น 10 – 30% ของต้นทุนการผลิตทั้งหมด


ดังนั้น การขึ้นค่าไฟฟ้าในงวดเดือนกันยายน ถึง ธันวาคม ในอัตรา 4.72 บาทต่อหน่วย จะทำให้ผู้ประกอบการมีความจำเป็นจะต้องปรับราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้นอีก 10% ภายในปลายปีนี้ นอกจากนี้ต้นทุนค่าไฟที่สูงขึ้น ยังส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะเมื่อเทียบกับประเทศเวียดนาม ที่ขณะนี้เลือกดำเนินนโยบายในการคงอัตราค่าไฟฟ้าที่ 2.8 บาทต่อหน่วย ตลอดปี 2565


สำหรับมาตรการบรรเทาผลกระทบ ควรทยอยปรับขึ้นค่า Ft โดยให้ค่าไฟฟ้ารวม เพิ่มขึ้นไม่เกิน 5 % ต่องวด ควบคู่ไปกับการออกมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และผู้ประกอบการ SMEs เช่น การลดค่าไฟฟ้า เป็นต้น เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบจากค่าไฟฟ้าที่คาดว่าจะอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไปจนถึงปี 2566


ขณะที่การประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ยังไม่ได้มีการพิจารณาแนวทางช่วยเหลือค่าไฟฟ้า เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนที่ใช้ไฟไม่เกิน 500 หน่วย ซึ่งต้องใช้งบประมาณรวม 8,000 ล้านบาท โดยคาดว่า จะมีการนำเสนอในการประชุม ครม.สัปดาห์หน้า