ธปท.จับตาเงินบาทอ่อนใกล้ชิด ชี้เครื่องมือมีจำกัด หากดูแลต้องใช้ยาแรง

แบงก์ชาติ เผยค่าเงินบาทอ่อน เพราะดอลลาร์แข็งค่า ทั่วโลกก็โดนผลกระทบ ชี้ตั้งแต่ต้นปีไทยอ่อนค่าลงมาเพียง 12% น้อยกว่าหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย พร้อมจับตาใกล้ชิด รับเครื่องมือมีจำกัด หากดูแลต้องใช้ยาแรง

นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คาดว่าการอ่อนค่าของค่าเงินในช่วงที่ผ่านมานี้ ยังไม่ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในภาพรวม เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินบาท เป็นการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่ต้นปีค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นถึง 18% ทำให้เกือบทุกประเทศ มีค่าเงินที่อ่อนลง เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ฉะนั้นการที่เงินบาทอ่อนลงไม่ใช่ปัจจัยเฉพาะเศรษฐกิจไทย และหากมองการอ่อนค่าของเงินบาทแค่ในภูมิภาคเอเชีย เรายังอยู่ระดับกลาง ๆ อ่อนลงมา 12% ตั้งแต่ต้นปี อ่อนค่าลงน้อยกว่า ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น และเกาหลี


สำหรับคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีการประเมินว่า เรื่องค่าเงินเป็นสิ่งที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะในช่วงที่มีความผันผวนสูง แต่คณะกรรมการฯ ก็ตระหนักว่าความสามารถของนโยบายการเงิน และเครื่องมือที่มีอยู่ ในการที่จะดูแลการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐมีจำกัด และหากต้องทำก็ต้องใช้อะไรที่แรง


อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ต้นปี จนถึงปัจจุบันเงินทุนเคลื่อนย้ายสุทธิเข้าประเทศไทยยังเป็นบวกอยู่ โดยเข้าในระบบการลงทุนหุ้นจำนวนมาก ฉะนั้นไทยไม่มีปัญหาเงินทุนเคลื่อนย้ายไหลออกไปจากประเทศ เนื่องจากนักลงทุนยังเห็นศักยภาพของประเทศไทย เพราะเสถียรภาพไทยยังแข็งแกร่ง



-โดยเงินทุนสำรองต่างประเทศที่มีอยู่ หากเทียบกับสัดส่วนจีดีพีแล้ว ไทยอยู่อันดับที่ 6 ของโลก และหนี้สินของไทยในต่างประเทศก็ค่อนข้างน้อย หากเทียบกับปริมาณทุกสำรอง โดยมีทุนสำรองปริมาณ 3 เท่าของหนี้สินระยะสั้น



-ส่วนในภาคธุรกิจนั้น การที่ค่าเงินบาทอ่อนลงก็ช่วยผู้ส่งออกระดับหนึ่ง แต่ที่เป็นห่วงคือต้นทุนขานำเข้า ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการนำเข้าต้องจ่ายเงินสูงขึ้นในรูปของสกุลเงินบาท