เศรษฐกิจ

กกพ. จ่อขึ้นค่าเอฟที งวดก.ย. - ธ.ค. 65 สูงกว่า 40 สตางค์/หน่วย เซ่นต้นทุนแพง เงินบาทอ่อน

โดย panisa_p

17 มิ.ย. 2565

88 views

แนวโน้มค่าไฟฟ้าในงวดสุดท้ายของปีนี้ มีโอกาสจะปรับสูงกว่า 40 สตางค์ต่อหน่วย สูงจากเดิมที่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เคยประมาณการไว้ หลังราคาก๊าซธรรมชาติเหลวผันผวนและเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลต่อต้นทุนนำเข้าก๊าซฯ พร้อมขอให้คนไทยช่วยชาติร่วมมือประหยัดการใช้พลังงาน


วันนี้ (17 มิ.ย. 65) ในงานปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ไขข้อข้องใจ...รับมือค่าไฟครึ่งปีหลัง” จัดขึ้นโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน และ ในฐานะโฆษก กกพ. ระบุว่า แนวโน้มการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ค่าเอฟที งวดสุดท้ายของปีนี้ คือ เดือนกันยายน - ธันวาคม ปี 2565 มีโอกาสปรับสูงเกินขึ้นจากประมาณการไว้เดิม 40 สตางค์ต่อหน่วย


เนื่องจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลว LNG เข้ามาผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณกว่าร้อยละ 40 จากเดิมร้อยละ 30 เพราะราคาน้ำมันดีเซลสูงขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยลดลง ประกอบกับการรับก๊าซฯจากเมียนมามีแนวโน้มลดลง รวมทั้ง เงินบาทอ่อนค่าลงแตะ 35 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากเดิมประมาณการอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์


ดังนั้น เมื่อคำนวนต้นทุนต่าง ๆ แล้ว ค่าเอฟที อาจจะสูงขึ้น แต่จะปรับขึ้นไม่ถึง 5 บาทต่อหน่วย และการปรับขึ้นในรอบนี้ ยังไม่รวมกับภาระที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยแบกรับไว้ ที่ปัจจุบันอยู่ที่กว่า 80,000 ล้านบาท ซึ่งหากรวมในส่วนนี้ จะส่งผลให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าที่แท้จริงปรับขึ้นอีกกว่า 1 บาทต่อหน่วย


ส่วนกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานฯ ส่งสัญญาณอยากให้การปรับขึ้นค่าเอฟทีงวดสุดท้ายของปีนี้ เป็นการปรับขึ้นครั้งเดียวจบนั้น นายคมกฤช ระบุว่า เป็นเรื่องที่ต้องรอติดตามสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิง แต่คาดว่าการปรับขึ้นค่าเอฟที ยังจะต้องต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า เนื่องจากต้นทุนราคาเชื้อเพลิงยังผันผวน


แต่ระยะสั้น กกพ. ระบุว่า จะพยามบริหารต้นทุนค่าไฟฟ้าในปัจจุบัน เพื่อราคาค่าไฟปรับลดลง แม้ก็ยังลดลงน้อยเมื่อเทียบกับต้นทุนที่แท้จริง ดังนั้น ระยะจะต้องมีการบริหารจัดการในระยะยาว เพื่อให้เกิดความชัดเจนด้านโครงสร้างการจัดการพลังงานระยะยาวของประเทศ และขอความร่วมมือประชาขนในการประหยัดพลังงานเพื่อลดต้นทุนการนำเข้าก๊าซฯ เพื่อผลิตไฟฟ้า

คุณอาจสนใจ