สังคม

'บิ๊กตู่' สั่งทบทวนเกณฑ์ครอบครองปืน จ่อแก้กฎหมายยาบ้า 5 เม็ดถือเป็นผู้ค้า

โดย panisa_p

12 ต.ค. 2565

359 views

จากโศกนาฏกรรมที่หนองบัวลำภู ทำให้รัฐบาลเริ่มต้นให้ความสำคัญกับการครอบครองอาวุธปืน และการปราบปรามยาเสพติด วันนี้นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานในที่ประชุมเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ได้ข้อสรุปในวันนี้ ก็คือ เรื่องการแก้ไขกฎเกณฑ์การอนุญาตครอบครองปืน จะต้องตรวจสุขภาพจิตด้วย ส่วนยาเสพติดให้แก้เกณฑ์การครอบครองยาบ้าเพื่อจำหน่าย จากเดิม 15 เม็ด เป็น 5 เม็ด


การประชุมเพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ข้อสรุปว่าจะมีการแก้ไขกฎเกณฑ์และกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาการใช้อาวุธปืน และการครอบครองยาเสพติด โดยจะแก้ให้ ผู้ที่ยื่นขอใบอนุญาตครอบครองปืน จะต้องตรวจสุขภาพจิตด้วย และต้องมีวงรอบในการตรวจสอบทบทวนคุณสมบัติ ส่วนเรื่องยาเสพติด จะต้องแก้กฎหมายเรื่องปริมาณการครอบครองยาบ้าเพื่อจำหน่าย จากเดิม 15 เม็ด ลดเหลือ 5 เม็ด


พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้อธิบายลงรายละเอียดว่า การขออนุญาตครอบครองปืน จะต้องตรวจสอบสุขภาพจิต รวมทั้งมีใบรับรองจากแพทย์ และจะต้องดูความประพฤติว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งต้องมีคนรับรอง เช่น หากเป็นข้าราชการ ต้องมีผู้บังคับบัญชารับรอง มีความประพฤติที่ไม่เป็นภัย เช่น ไม่ดื่มสุราแล้วขาดสติ หรือมีความประพฤติใช้ความรุนแรง


ส่วนคนที่มีปืนไว้ในครอบครองอยู่แล้ว ในระยะ 3 หรือ 5 ปี ต้องทบทวนว่ายังสามารถใช้ปืนได้หรือไม่ รวมถึงข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ที่พ้นหน้าที่ไปแล้ว ยังมีความจำเป็นหรือไม่ หากไม่จำเป็นสามารถเพิกถอนได้ แต่กรณีที่กระทำผิด จะต้องเพิกถอนใบอนุญาตทันที


ส่วนปืนเถื่อน พลเอกอนุพงษ์ ย้ำว่า จะออกกฎหมายให้นำปืนมาคืน โดยไม่มีความผิดทางอาญา เเต่ถ้าใครยังเเอบครอบครอง ตำรวจจะเอาผิดตามกฎหมายอย่างเข้มงวด


ส่วนยาเสพติด พล.อ.อนุพงษ์ บอกว่า นายกฯได้เน้นย้ำเรื่องการปราบปราม และการเข้าไปเอ็กซเรย์ในชุมชน เพื่อแยกผู้เสพ ผู้ใช้ และคนติดยาเสพติด นำเข้าระบบบำบัด ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีมาตรการต่างกัน


ขณะที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ให้สัมภาษณ์ที่กองทัพบกว่า สั่งตรวจสอบ การครอบครองปืน ส่วนตัวของกำลังพลแล้ว ไม่พบมีการครอบครองปืนเถื่อน หากตรวจพบจะถูกลงโทษหนัก พร้อมกำชับกรมการแพทย์ทหารบก ดูแลสภาพจิตของทหารอย่างใกล้ชิด ส่วนการปราบปรามยาบ้าในรอบปีที่ผ่านมา กองกำลังป้องกันชายแดนได้จับกุมได้มากกว่า 200 ล้านเม็ด


วันนี้ มีความเคลื่อนไหวจากกลุ่มนักวิชาการ เพื่อสรุปการถอดบทเรียนการใช้ความรุนแรง จากโคราช ถึง หนองบัวลำภู เป็นความร่วมมือของ บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยสวนดุสิต คณะสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล คณะนิติศาสตร์ โรงเรียนนายร้อยตำรวจ และภาควิชาจิตวิทยา คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


การเสวนาครั้งนี้ ได้ตั้งหยิบยกประเด็นที่รัฐ และนักอาชญาวิทยา ต้องนำมาพัฒนาให้เกิดขึ้นจริง คือ ประเด็น พฤติกรรมการใช้ยาเสพติด การมีและการใช้อาวุธปืน และต้องปรับปรุงกฎหมายอาวุธปืน รวมทั้งต้องผลักดันให้เกิดขึ้นตอนการตรวจสุขภาพจิต ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนทุกคน และต้องทำอย่างต่อเนื่อง

คุณอาจสนใจ

Related News