เปิดข้อมูลพบ บ้านถูกยึดรอขายทอดตลาด 4 แสนหลัง วอนรัฐหาทางออกช่วยปชช.

ศูนย์ประสานงานลูกหนี้แห่งชาติ ระบุว่า มีลูกหนี้สถาบันการเงินที่ถูกยึดบ้านและที่ดิน ที่รอขายทอดตลาดกว่า 4 แสนราย และในช่วงโควิด-19 มีแนวโน้มว่า จะมีการยึดหลักทรัพย์ลูกหนี้ เพื่อขายทอดตลาดเฉพาะในเดือนนี้ อีกกว่า 30,000 หลัง

บ้านราคากว่า 3 ล้านบาท ที่เจ้าของผ่อนมาแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง แต่กำลังจะถูกขายทอดตลาดไปในสัปดาห์หน้า ทำให้เจ้าของบ้านร้องเรียนว่าจะกลายเป็นผู้ไร้ที่อยู่อาศัยในไม่ช้า ทั้งที่เป็นบ้านหลังแรกและหาเงินมาซื้อบ้านโดยสุจริต

เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ผ่อนบ้านมาได้มา 4ปีแล้ว แต่เมื่อประสบภาวะตกงาน จึงค้างชำระค่าผ่อน 3 เดือน ได้ขอประนอมหนี้ซึ่งธนาคารให้ลูกค้านำเงินจ่าย 9 หมื่นบาท ภายใน 1เดือน หลังจากหาเงินมาชำระไม่ได้ บ้านได้ถูกขายให้บริษัทบริหารสินทรัพย์ เข้าสู่กระบวนการฟ้องศาลเพื่อยึดทรัพย์ และต้องจ่ายค่าบ้านตามคำพิพากษาเกือบ 3 ล้านบาท ซึ่งบ้านกำลังจะถูกขายทอดในวันที่ 12 พฤษภาคมนี้

ไม่เพียงแต่เจ้าของบ้านหลังนี้ แต่หลังจากมีผู้ตกงานจำนวนมาก ถูกเลิกจ้างจากผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 บ้านจะถูกยึดอีกหลายหลัง ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด โดยทรัพย์สินที่จะถูกกรมบังคับคดีขายทอดตลาดรอบเดือนพฤษภาคมนี้ มีถึง 3 หมื่นหลัง

เลขาธิการศูนย์ประสานงานลูกหนี้แห่งชาติ ระบุว่า มีบ้านเข้าสู่ขั้นตอนการยึดทรัพย์ไม่ต่ำกว่า 4 แสนหลัง เมื่อทรัพย์ถูกขายทอดตลาดไป ลูกหนี้ยังต้องหาเงินอีกครึ่งหนึ่งมาผ่อนให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ หากหาเงินไม่ได้ เพราะไม่สามารถกู้สถาบันการเงินใดได้เพราะติดเครดิตบูโร จึงเสี่ยงต่อการถูกจำคุก หากถูก บ.บริหารสินทรัพย์ ฟ้อง

เมื่อคนไทย ถูกยึดทรัพย์ไปตกอยู่ในมือของบริษัทบริหารสินทรัพย์จำนวนมาก ศูนย์ประสานงานลูกหนี้แห่งชาติเห็นว่า เป็นกฎหมาย ที่ไม่เป็นธรรมสำหรับคนไทย เพราะ พ.ร.ก.บริษัทบริหารสินทรัพย์มีช่องว่างไม่จำกัดชนชาติ เข้ามาดำเนินกิจการได้ โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทยวางกฎเกณฑ์ว่า ให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน แต่ที่ผ่านมากลับใช้วิธียึดทรัพย์ สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านจำนวนมาก ที่หลายครอบครัวหาทางออกไม่ได้ เมื่อถูกบ้านยึดที่ดินก็ตัดสินใจจบชีวิตทั้งครอบครัวมาแล้ว จึงร้องเรียนขอให้รัฐบาลทบทวนกฎหมายฉบับนี้