อาชญากรรม

‘บิ๊กโจ๊ก’ รับอดีตสารวัตรเอี่ยวตู้ห่าว ออกหมายเรียกอีก 3 คน - ‘ชูวิทย์’ โพสต์ ตม. ต้นเหตุจีนเทาทะลัก

โดย thichaphat_d

3 ธ.ค. 2565

741 views

'บิ๊กโจ๊ก' รับ มีอดีตตำรวจระดับสารวัตร เป็นกรรมการ บ.ตู้ห่าว  ออกหมายเรียกอีก 3 แก๊งตู้ห่าว K9 ดมเจอยาเสพติดบนเครื่องบิน ไม่เชื่อในบัญชีมีแค่ 1 แสน ด้าน  ‘ชูวิทย์’ โพสต์ ตม. ต้นเหตุจีนเทาทะลัก ชี้ยิ่งมีเงินยิ่งอยู่นาน 

 วานนี้ (2 ธ.ค.) พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยตัวแทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.และ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ป.ป.ส. พร้อมด้วย ตัวแทนเจ้าพนักงานอัยการ ร่วมประชุมพนักงานสืบสวนสอบสวน ที่รับผิดชอบการสอบสวนคดีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา


  รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้เป็นการประชุมร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยนำข้อมูลพยานหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจค้นได้ยึดได้จากหลายจุดมาเข้าสู่สำนวนการสอบสวนคดี เพื่อกำหนดแนวทางการสอบปากคำและไล่เส้นทางการเงินเส้นทางทางโทรศัพท์ ว่าจะเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มบุคคลที่ร่วมกระทำความผิดอื่นอีกหรือไม่


ส่วนทรัพย์สิน ที่ยึดได้มอบหมายให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ส. เพื่อใช้อำนาจดำเนินคดีฐานสมทและบังคับใช้กฏหมายการฟอกเงิน ดังนั้น คาดว่าจะเร่งสรุปสำนวนคดีเพื่อส่งให้พนักงานอัยการ ได้ในเร็ววันนี้


ขณะที่ในกลุ่มของผู้ต้องหาที่ถูกจับได้ 102 คนแบ่งเป็นการดำเนินคดี ได้ดังนี้ คือความผิดฐานสมคบจำหน่ายยาเสพติด เฮโรอีน และยาบ้า/ ความผิดฐาน นอมินี ถือครองทรัพย์สินแทนบุคคลต่างชาติ และความผิดที่เกี่ยวข้องกับการสวมบัตรประชาชน


ส่วนความผิดที่นายโทนี่ ตำรวจดำเนินคดี, ฐานความผิดเป็นนอมินี ให้คนอื่นถือครองทรัพย์สินแทน ส่วนความผิดอื่นยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม


ส่วนการขยายผลความเชื่อมโยงผู้ที่เกี่ยวข้องกับนายชัยณัฐร์กรณ์ ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ตำรวจออกหมายเรียกเพิ่มเติม 3 คนคือ พัชรินทร์ ที่ยังหลบหนีในประเทศไทย


สุชาดา และ อดีตนายตำรวจระดับสารวัตรคนหนึ่ง ซึ่งทั้ง 3 คนตำรวจมีข้อมูลว่าร่วมกันเป็นกรรมการบริษัทที่มีนายตู้ห่าวเป็นประธาน ดังนั้นหากสามารถควบคุมตัวทั้ง 3 คนได้เชื่อว่าจะพบทรัพย์สินที่เป็นเงินสดอีกจำนวนมาก เนื่องจากตำรวจ ตั้งข้อสังเกตว่าเงินสดที่ยึดได้จากนายตู้ห่าว มีเพียงแค่หลักแสนบาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่นักธุรกิจระดับนี้ จะมีเงินสดอยู่ในบัญชีแค่ 100,000 บาท


 ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานที่เก็บได้จากเครื่องบินในอำเภอบ่อฝ้าย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อยู่ระหว่างส่งให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบเกี่ยวกับยาเสพติด DNA และรอยนิ้วมือแฝง เนื่องจากขณะตรวจค้นสุนัขที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดมสารเสพติด มีพฤติกรรมที่แสดงออกชัดเจน


นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนสอบปากคำกัปตัน ที่มีชื่อเป็นผู้ขับเครื่องบินดังกล่าวแล้ว โดยกัปตันให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เปิดเผยข้อมูลของบุคคลที่ใช้เครื่องบิน ซึ่งเป็นไปตามที่มีเอกสารหลักฐานยืนยันไว้ชัดเจนก่อนหน้านี้ แต่ในส่วนของรายละเอียดว่ามีการใช้สารเสพติดบนเครื่องบินหรือไม่ กัปตันไม่ได้ยืนยัน


ประเด็นที่มีสถานศึกษารับคนจีนเป็นนักเรียน เพื่อเอื้อการทำวีซ่านักเรียนนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า คาดว่าจะตรวจสอบครบหมดในวันพรุ่งนี้หรือไม่ก็มะรืนนี้ แต่กำลังไล่ตรวจสอบอยู่ โดยในส่วนของการดำเนินคดี ถ้าเราได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ก็จะต้องดำเนินคดีกับสถานศึกษาด้วย ส่วนระดับผู้บริหารในสถาบันการศึกษาต่างๆ ที่ร่วมทำเอ็มโอยู (MOU) กับกลุ่มทุนจีนเหล่านี้ หากพยานหลักฐานบ่งชี้ไปถึงว่ามีการร่วมมือกัน หรือผู้บริหารสถานศึกษาของไทยรู้อยู่แล้วว่าคนจีนเหล่านี้เข้ามาคงไม่ได้เรียนแน่นอน ตรงนี้เราดำเนินคดีหมด ถือว่ามีความผิดด้วย ถือว่าเป็นผู้สมคบและร่วมกันกระทำความผิด


สำหรับนายหลินหลง ที่แต่งกายเลียนแบบทหารยศพันเอกนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า นายหลินหลง ยังหนีอยู่ในประเทศไทย ส่วนพฤติกรรมที่ทำนั้น นายหลินหลง กระทำคล้ายนายโทนี่ นายตู้ห่าว โดยนายหลินหลงรายนี้มีการแต่งเครื่องแบบพันเอกแล้วถ่ายรูป ไปหลอกล่อคนจีน เพื่อที่เวลาจะเข้าไทยหรือหอบเงินผิดกฎหมายมา


คนจีนเหล่านี้ต้องมาหานายหลินหลงก่อน เพราะนายหลินหลง วางตัวเป็นเจ้าพ่อ ทำให้คนจีนมองว่ายิ่งใหญ่จริง มีเส้นสาย ใช้เงินซื้อตำแหน่งได้ พอคนจีนหลงเชื่อ ตัดสินใจเดินทางมา นายหลินหลง ก็จะเก็บรายหัว และจะบอกวิธีการเอาวีซ่าว่าจะสามารถอยู่ต่อในประเทศไทยอย่างไร ก็คือการใช้ชื่อไปเข้าโรงเรียนเพื่อขอวีซ่าเป็นนักเรียน การติดตามตัวนายหลินหลง เจ้าหน้าที่ขอเวลาอีกหนึ่งสัปดาห์ คาดว่าได้ตัวมาแน่

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวว่า “การดำเนินคดีที่สำคัญคือการดำเนินคดีกับเหล่าเจ้าหน้าที่ ตม. เจ้าหน้าที่รัฐ ผู้บริหารสถาบันศึกษา เพราะกลุ่มคนเหล่านี้ล้วนนำพาเอาคนจีนเข้าประเทศไทยและรู้เห็นการออกวีซ่านักเรียนให้กลุ่มคนจีนเหล่านี้อยู่ในราชอาณาจักรไทยในระยะยาว จึงถึงเวลากวาดบ้านแล้ว มิเช่นนั้นจะเป็นภาระกับสถานีโรงพักในพื้นที่ ทั้ง ๆ ที่ด่านหน้าสำคัญควรเป็นเจ้าหน้าที่ ตม. สุดท้ายแล้วมันไม่ได้จบที่คนจีน แต่จบที่เจ้าหน้าที่รัฐไทยที่คอยให้ความช่วยเหลือทุนจีนสีเทาเหล่านี้ต่างหาก”

-----------------------------------------------

เมื่อวานนี้ (2 ธ.ค.) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก “ตม. (ตรวจคนเข้าเมือง) ต้นเหตุจีนเทาทะลัก” เกาะติดขบวนการจีนสีเทาในประเทศไทยล่าสุด โดยมีเนื้อหาดังนี้ “หน่วยงาน ตม. (ตรวจคนเข้าเมือง) คือแหล่งที่ต้อง “ยกเครื่อง” เป็นรายถัดไป


 ไม่งั้นแทนที่จะได้ “จีนดี” เข้าไทย กลับไปได้ “จีนเลว” เข้ามาทะลักเต็มประเทศ

 อย่างที่ผมบอก ต้องแบ่งแยกจีนเทาเหล่านี้ ออกจากจีนดีๆ ที่เข้ามา

 บ่อเกิดของจีนเทาที่เข้ามาในประเทศไทยแบ่งได้ ดังนี้

 ช่องทางที่ 1 วีซ่าท่องเที่ยว TR ยื่นที่สถานฑูตไทยในประเทศจีน ได้รับอนุญาตให้อยู่ได้ 30 วัน

 ช่องทางที่ 2 Visa on Arrival ขอวีซ่าเมื่อมาถึงสนามบิน


วีซ่านี้ตามภาษาไทยๆ ต้องมีติดปลายนวม จ่ายให้กับเอเย่นต์ที่รับทำที่สนามบิน


ช่วงก่อนยุคโควิด จีนเข้ามาวันนึงเป็นพันเป็นหมื่น แค่ 500 บาทต่อคน ก็ได้วันละ 5 แสน – 5 ล้านแล้ว


 ส่วนนี้จะไปแบ่งกับใครผมทราบดี แต่ยังไม่ขอพูดในขณะนี้

 ประเภทที่ 3 Non-B Visa (Business Visa)

 ประเภทที่ 4 Retirement Visa หรือวีซ่าเกษียณอายุ

แต่ที่น่าผิดสังเกตุมาก คือ “จีนเทา” นิยมทำตัวเป็น “นักเรียนโข่ง” อายุ 50 ปียังมาเรียน แต่โดดเรียนทุกวัน ไม่เคยเรียนจริง ได้แก่


ประเภทที่ 5 วีซ่านักเรียน ED Visa เงื่อนไข

– หาโรงเรียนที่รับนักศึกษาต่างชาติ

– สมัครตามหลักเกณฑ์ มีใบเสร็จค่าเทอม

– เมื่อได้เอกสารจากโรงเรียนก็ไปยื่นขอวีซ่า

ตอนนี้เป็นวีซ่าประเภทยอดฮิตของจีนเทา

เมื่อวานแถลงข่าวไปบอกว่า จีนเทา “ซื้อโรงเรียนสอนภาษา“ เสียเลยหมดเรื่อง ครบวงจรเป็น “one stop service”


ใช้โรงเรียนตึกแถวสอนภาษา อย่างมากพื้นที่รองรับได้แค่ 20-30 คน

แต่ดันออกวีซ่านักเรียนให้กับพวกจีนเทาได้เป็นร้อยเป็นพันคน

หนักๆ เข้าระยะหลังไม่ต้องมาเรียนจริง เพราะไม่เคยเช็คชื่อ แค่เอาเอกสารไปใช้ยื่นขอวีซ่าก็พอ แถมอ้างว่าเรียนออนไลน์เข้าไปอีก

ส่วนประเภทสุดท้าย

 เพียงแค่ท่านมี “บัตรอีเดียด” คือ “บัตรอีลิท” (Elite Card)

ใครมีเงินยิ่งมาก ยิ่งอยู่ได้นาน ใช้เงินเป็นตัวตั้ง แต่ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติอย่างอื่น จึงเข้าทาง “จีนเทา” เพราะเอาเงินฟาดหัวก็เรียบร้อยโรงเรียนจีน

 จ่าย 1 ล้านอยู่ได้ 5 ปี ยิ่งจ่ายมาก ยิ่งอยู่นานได้ถึง 20 ปี

 ออกจากเครื่องบินมีผู้ช่วยส่วนตัว

  ใช้ช่องทางพิเศษ Fast Track

  อาจจะนั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวมา เจ้าหน้าที่ ตม. ไม่ต้องเห็นหน้า ไม่รู้ใครเป็นใคร เพราะจัดเป็นวีไอพี มีรถหรูไปรับถึงประตูเครื่องบิน

 ออกจากสนามบินก็มีมอเตอร์ไซค์นำขบวน อย่างนี้ “อภิสิทธิ์ชน” จริงๆ

  แถมด้วยสิทธิพิเศษอื่นๆ อีกมากมาย

  ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน

  สมัครบัตรนี้ใบเดียว สบายไปตลอดชาติ ขอให้มีเงินเท่านั้น

  เรียกบัตรนี้อีกอย่างว่า “บัตรหน้าเงิน” หลักการดี อยากให้คนมีเงินเข้าประเทศ แต่ไม่มีการคัดกรองตรวจสอบอะไร ดูแต่ “เงิน” เป็นหลักเท่านั้น

  แทนที่จะคัดกรอง “คนดีมีเงิน” เข้ามา กลับปล่อยให้ “คนเลวมีเงิน” เข้ามาทำร้ายตั้งแก๊งอาละวาดในประเทศไทย

   งานนี้จึงต้องล็อคเป้าที่ ตม.

   หลังจากเปิดเผย “ป.ป.ส.” นำเงินนอกงบประมาณหลอกฝรั่งเอาเงินไปถลุงตั้ง “วิทยาลัยป้องกันยาเสพติด” ใจกลางป่าสงวน แต่ไม่มีคนไปเรียนสักคน เพราะตั้งอยู่ไกลถึงชายแดนสามเหลี่ยมทองคำโน่น

   หากอยากรู้เพิ่มล้อมวงเข้ามา

   ชูวิทย์จะเล่าให้ฟัง"


ชมผ่าน YouTube ได้ที่นี่ : https://youtu.be/R88sd0TWlAM

คุณอาจสนใจ

Related News