อาชญากรรม

แค้นถูกกีดกันรัก ซื้อปืนในเน็ต บุกยิงบ้านแฟนสาว ตาย 2 ศพ ญาติโวยเคยแจ้งความ แต่ ตร.ไม่สนใจ บอกแค่ให้บล็อก FB

โดย thichaphat_d

16 ต.ค. 2565

134 views

จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (15 ต.ค.) ตำรวจ สน.เพชรเกษม ได้รับแจ้งเหตุ มีผู้ถูกใช้อาวุธปืนยิงเสียชีวิต 2 ราย ภายในบ้านพัก หมู่บ้านสุขสำราญ ซอย 7 อยู่ภายในซอยเพชรเกษม 63 ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเช่า 2 ชั้น พบร่างผู้เสียชีวิต 2 ราย ถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะทั้งคู่ คือ นายพงศธร ศรีตะปัญญะ อายุ 22 ปี และนายธานินทร์ ศรีตะปัญญะ อายุ 46 ปี

จากการสอบถาม ทราบว่า ผู้ก่อเหตุชื่อ นายนที พันธุมเสน อายุ 28 ปี หรือนายเป้ เป็นลูกเขยของครอบครัวนี้ที่พักอาศัยอยู่ที่อื่น ซึ่งผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ก็คือพ่อและน้องชายของภรรยานายเป้ และหลังก่อเหตุ นายเป้ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ หลบหนีไป โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดภายในซอยที่เกิดเหตุ จับภาพผู้ก่อเหตุ ขณะขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีออกจากซอยหลังก่อเหตุ ในเวลา 07.24.31 น. โดยผู้ก่อเหตุไม่ได้สวมใส่อะไรปิดบังใบหน้าแต่อย่างใด

สำหรับร่างของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง ได้นำส่งไปชันสูตรพลิกศพที่โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเมื่อนางสาวปภัสสร เศวตดนัย อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นภรรยา และแม่ของผู้เสียชีวิต เมื่อเห็นร่างของลูกชาย และสามี ถึงกับทำใจไม่ได้ร้องไห้ ทรุดลงกับพื้น พร้อมว่ากล่าวคนร้ายว่า ทำไมใจร้าย โหดเหี้ยมได้ขนาดนี้ จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้าปฐมพยาบาลเบื้องต้น

ก่อนหน้านี้นางสาวปภัสสร ได้ให้ข้อมูลว่า เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา นายเป้เคยโทรมาขู่ตน บอกว่า จะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง และลูกสาวก็โทรมาเตือนว่าให้ระวัง เพราะนายเป้ไปซื้อปืนมาแล้ว บอกว่าจะตามมายิงให้ตายทั้งบ้าน เพื่อกู้ศักดิ์ศรีที่ตัวเองเคยโดนกีดกันไม่ยอมรับ

ทั้งนี้ ตอนที่นายเป้ โทรมาข่มขู่เมื่อเดือนสิงหาคม ตนได้ไปแจ้งความกับตำรวจที่ สน.เพชรเกษม เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ตำรวจกลับไม่สนใจ ไม่ยอมฟังคลิปเสียง จึงทำได้แค่ลงบันทึกประจำวันไว้ และตำรวจบอกให้บล็อกเฟซบุ๊กไป รอให้เรื่องจบ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องรอให้เรื่องเกิดก่อน สุดท้ายตำรวจก็ได้แค่มาเก็บศพ ถ้าช่วยดำเนินการตั้งแต่วันนั้น เหตุคงไม่เกิด เพราะนายเป้คงไม่กล้าทำ

ต่อมา หลังเกิดเหตุประมาณ 2 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัว นายเป้ ผู้ก่อเหตุ ได้แล้ว โดยได้ควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สน.เพชรเกษม เบื้องต้น นายเป้ ผู้ก่อเหตุ สารภาพว่า ได้ก่อเหตุจริง ตอนที่คิดจะก่อเหตุใช้เวลาไม่นาน จากนั้นไปสั่งซื้อปืนดัดแปลง ขนาด.380 มาจากอินเตอร์เน็ต และนำมาก่อเหตุ ส่วนสาเหตุนายเป้ บอกว่า เพราะมันหยามศักดิ์ศรีกันมากเกินไป

ทั้งนี้ มีรายงานว่า หลังก่อเหตุที่บ้านหลังดังกล่าว นายเป้ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับไปที่บ้านของตนเอง พร้อมกับบอกภรรยาว่า จะตามไปเก็บให้หมด จากนั้นผู้ก่อเหตุก็หายตัวออกไปจากบ้าน ตะเวนไปที่โรงพยาบาลใกล้เคียง เพื่อดูว่าญาติๆ จะนำตัวผู้ตายมาส่งโรงพยาบาลหรือไม่ หลังจากนั้นได้ขับรถคันเดิมวนกลับมาที่ศาลาริมน้ำของวัดม่วง ซึ่งอยู่ตรงข้าม สน.เพชรเกษม เพื่อมาซุ่มดูว่าทางญาติของผู้ตายจะเดินทางมาที่ สน.หรือไม่ โดยมีกล้องวงจรปิดบริเวณศาลาริมน้ำจับภาพไว้ได้

ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ บก.สส.บก.น.9 และฝ่ายสืบสวน สน.เพชรเกษม กำลังประชุมติดตามผู้ก่อเหตุ และกระจายกำลังลงพื้นที่

โดยดาบตำรวจไมตรี โคเวียง ผบ.หมู่งานสืบสวน บก.น.9 ได้เดินออกมาจาก สน.เพชรเกษม ข้ามสะพานมาที่วัดม่วง และเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งนั่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำ มีลักษณะการแต่งกายเหมือนกับผู้ก่อเหตุ คือเสื้อสีน้ำเงิน กางเกงลายพราง จึงค่อยๆ ย่องเข้าไปจับกุมตัวคนร้าย

ซึ่งภายหลังจับกุมเจ้าหน้าที่ได้ค้นตัว พบปืนกระบอกที่ก่อเหตุเหน็บอยู่ที่เอว ซึ่งผู้ก่อเหตุบอกว่า ตอนที่ตำรวจเดินไปเดินมา ตนเองไม่รู้ว่าเป็นตำรวจ หากรู้ก็จะยิง หรือหากก่อเหตุสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ แล้วต้องต่อสู้กับตำรวจก็จะยอมตายด้วยเช่นเดียวกัน

ดาบตำรวจไมตรี โคเวียง ผบ.หมู่งานสืบสวน บก.น.9 เปิดเผยถึงนาทีจับกุมผู้ก่อเหตุว่า หลังการประชุมติดตามตัวผู้ก่อเหตุ ตนได้เดินข้ามสะพานจาก สน.เพชรเกษม มายังวัดม่วง เพื่อมาขึ้นรถจะไปปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย จังหวะนั้น ได้สังเกตเห็นชาย ลักษณะแต่งตัวคล้ายผู้ก่อเหตุตามที่เป็นเป้ามาย นั่งอยู่ที่ศาลา จึงได้เดินเข้าไปพูดคุย ตนจึงถามว่ามาทำอะไร ผู้ก่อเหตุ ตอบกลับมาว่า มาทำบุญพี่

จากนั้น ผู้ก่อเหตุถามตนว่า พี่มาตามใคร แต่ตนไม่ได้ตอบ แต่สั่งให้ถอดหน้ากากอนามัยออก ผู้ก่อเหตุก็ถอดออก ตนจึงบอกว่า มึงอ่ะฆ่าคนตาย ผู้ก่อเหตุ ตอบกลับว่า ครับพี่ ตนจึงถามต่อว่า ปืนอยู่ไหม ผู้ก่อเหตุก็ทำท่าจับปืนที่เอว และจะเอาให้ตน แต่ตนบอกว่าไม่ต้องเดี๋ยวตนหยิบเอง จากนั้น ตนก็หยิบปืนออกจากเอว และควบคุมตัว ซึ่งตอนนั้นเผชิญหน้าตัวต่อตัวกับผู้ก่อเหตุ ยอมรับว่าก็เสียวเหมือนกัน แต่ตัวผู้ก่อเหตุเล็กกว่า เชื่อว่าสู้ไม่ได้

ต่อมาเวลา 13.00 น. พลตำรวจตรีพงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผบก.น.9 เปิดเผยภายหลังสอบปากคำผู้ต้องหาว่า เบื้องต้นผู้ต้องหา คือ นายนที หรือ นายเป้ อายุ 28 ปี ให้การรับสารภาพ โดยลงมือไปเพราะมีความโกรธแค้น คิดไปเองว่าพ่อตาแม่ยายไม่ชอบตน จึงพยายามจะมาก่อเหตุ

โดยได้ไปซื้ออาวุธปืน เป็นสิ่งเทียมอาวุธปืนดัดแปลงขนาด .38 และมาดักรอครอบครัวผู้เสียชีวิตอยู่ประมาณ 2-3 วันก่อนหน้านี้ จนเมื่อเช้าได้เข้าไปซุ่มรออยู่ในบริเวณบ้าน และก่อเหตุยิงพ่อกับน้องชายที่บริเวณชั้น 1 และจะตามขึ้นไปก่อเหตุยิงแม่ แต่ไม่สามารถก่อเหตุได้จึงหลบหนีไป

หลังเกิดเหตุทางตำรวจได้ประชุมวางแผนทันที และเร่งจัดกำลังลงพื้นที่ติดตามตัวผู้ก่อเหตุ เพราะทราบว่ายังมีความโกรธแค้น และอาจจะกลับมาก่อเหตุยิงแม่ยาย ซึ่งตำรวจได้ไปพบผู้ต้องสงสัยอยู่บริเวณวัดม่วง จึงได้เข้าทำการตรวจค้น และสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้พร้อมกับอาวุธปืน โดยภายในบรรจุกระสุนอยู่ 8 นัด ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นการบรรจุกระสุนเพิ่มเติมไปหลังเกิดเหตุ

เบื้องต้นทราบว่า หลังก่อเหตุ ผู้ก่อเหตุได้กลับไปที่บ้านและขับรถหลบหนีออกมา แต่จะเป็นการออกมาดักยิงคนในครอบครัวผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมหรือไม่ อยู่ระหว่างการสอบสวนเพิ่มเติม แต่ทางตำรวจได้เข้าไปดูแลความปลอดภัยให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตแล้ว

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเตรียมพิจารณาแจ้งข้อหา 3 ข้อหา ได้แก่

-ข้อหาฆ่าผู้อื่น

-ข้อหามีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต

-และข้อหายิงปืนโดยไม่มีเหตุอันควร

ซึ่งจะต้องทำการสอบปากคำเพิ่มเติมเพราะเชื่อว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหาน่าจะเป็นการวางแผนไว้ก่อน จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐาน และอาจเป็นการแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเตรียมที่จะส่งฝากขังต่อศาลในวันจันทร์นี้

ส่วนเรื่องสารเสพติดก็จะต้องดำเนินการส่งไปตรวจต่อไป แต่จากการตรวจสอบประวัติยังไม่มีเรื่องยาเสพติด แต่พบคดีทำร้ายร่างกายเมื่อปี 2554 ซึ่งขณะนั้นผู้ต้องหายังเป็นเยาวชน

ส่วนกรณีที่ญาติของผู้เสียชีวิตระบุว่า ก่อนหน้านี้ ที่เคยถูกข่มขู่ได้มาแจ้งความแต่ตำรวจไม่สนใจนั้น เบื้องต้นได้สั่งการให้ ผู้กำกับการ สน.เพชรเกษม ทำการตรวจสอบ หากพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปฎิบัติหน้าที่ไม่ครบถ้วน ก็จะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน


รับชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/8Ntxlenp3Lo

คุณอาจสนใจ

Related News