อาชญากรรม

กู้ภัยขอโทษปล่อยร่างคารถ 12 ชม. ยันช่วยเหลือตามกรอบ แต่มองไม่เห็น ตร.รับไปไม่ถึงที่เกิดเหตุ

โดย nicharee_m

13 ส.ค. 2565

8 views

กรมทางหลวงตั้งโต๊ะแถลงใหญ่ เหตุทิ้งร่างชายวัย 68 ปี คารถ หลังเกิดอุบัติเหตุนาน 12 ชั่วโมง ตร.ยอมรับไปไม่ถึงที่เกิดเหตุ ใช้ดุลยพินิจ คิดว่าผู้บาดเจ็บอาจไป รพ.เอง กู้ภัยทางหลวงเสียใจ ยืนยันไม่เห็นจริงๆ ด้านหมอนิติเวช ระบุ อาการบาดเจ็บ เยื่อหุ้มหัวใจปริ ส่งผลให้เสียชีวิตในเวลารวดเร็วได้ โอกาสรอดน้อย

จากกรณีนายภัทรชัย อายุ 68 ปี ประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักพุ่งชนแบริเออร์ข้างทางอย่างแรง บนถนนมอเตอร์เวย์ ฝั่งขาเข้ามุ่งหน้าพัทยา ส่งผลให้กระโปรงหน้ารถพังยับ และมีการมีการเก็บกู้ซากรถออกจากบริเวณที่เกิดเหตุ ต่อมาว่า พบศพติดอยู่ในซากรถ นายภัทรชัย ถูกปล่อยร่างทิ้งไว้ในรถ นาน 12 ชั่วโมง เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา

พลตำรวจตรีเอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง , นายธน วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้แทนจากกรมทางหลวง , ตำรวจทางหลวงมอเตอร์เวย์ เจ้าหน้าที่กู้ภัย แถลงชี้แจงกรณีดังกล่าว หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม

พลตำรวจตรีเอกราช กล่าวแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิต พร้อมรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว หากพบว่าใครเกี่ยวข้องจะดำเนินการทั้งทางวินัยและดำเนินคดีอาญา ย้ำว่า กู้ภัยกรมทางหลวงมีขั้นตอนการปฏิบัติงาน และพฐ. ตรวจสอบเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยเฉี่ยวชนกับรถคันอื่น

ส่วนที่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง ก็เป็นสิทธิ์ของญาติ ขอให้เป็นไปตามขั้นตอน

ด้านพันตำรวจโทรัตพล พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ยอมรับว่า ไม่ได้ไปไม่ถึงที่เกิดเหตุ โดยได้รับรายงานว่า ไม่พบผู้บาดเจ็บ ,ผู้เสียชีวิต , คู่กรณี โดยได้ดูคลิปที่เกิดเหตุที่ส่งมาทางไลน์ และขอ CCTV ตรวจสอบ จึงได้ให้ทำการเคลื่อนย้ายรถ เพื่อไม่ให้กีดขวางจราจร

พันตำรวจโทรัตพล ระบุว่า มีความเชื่อมั่นเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางหลวงที่เข้าตรวจสอบ และมีความเป็นไปได้ที่จะมีการนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งตนได้ไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลวิภาราม บริเวณใกล้เคียง แต่ไม่พบผู้บาดเจ็บ จึงคาดว่าญาติจะมาติดตาม จนเวลาผ่านไปนาน จึงเข้าตรวจสอบเอกสารที่รถ จึงได้พบร่างนายภัทรชัย

ขณะที่นายภาสกร เจ้าหน้าที่กู้ภัยทางหลวง กล่าวว่า เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ ตั้งใจพยายามเข้าตรวจสอบเหตุให้เร็วที่สุด ประมาณไม่เกิน 5 นาที โดยมองผ่านช่องซ้าย มองเข้าไปไม่พบผู้ขับขี่ , ไม่พบสัญญาณขอความช่วยเหลือ , ไม่พบคราบเลือด และมีเพียงทรัพย์สินฝั่งคนขับเท่านั้น

นายภาสกร กล่าวว่า อุบัติเหตุที่เคยเจอมา หากมีการชน ผู้ขับขี่จะฟุบไปด้านหน้าพวงมาลัย หรือเอนไปด้านหลัง ยอมรับมองไม่เห็นจริงๆ ไม่ใช่ตนเพียงคนเดียว แต่ในที่เกิดเหตุมีผู้ร่วมตรวจดู 6 คน ใช้เวลาสักพัก ซึ่งพยายามมองโซนนั่ง ดูกระจกหลัง รวมถึงไปเปิดประตูด้านหลังก็ไม่พบ

ส่วนทำไมจึงไม่ตรวจสอบด้านขวาฝั่งคนขับ เป็นเพราะไม่ต้องการไปยุ่งกับทรัพย์สิน เนื่องจากเคยมีการร้องเรียนเรื่องทรัพย์สินสูญหาย จึงคิดว่าอาจมีผู้หวังดีพาผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาล เมื่อมีเจ้าหน้าที่กู้ภัยอีกชุดมาถาม จึงแจ้งว่าไม่พบผู้ขับขี่ เหมือนบางเคสที่ผ่านมา

“เสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รู้สึกผิดที่ไม่สามารถเจอคุณลุงได้ในขนาดนั้น น้อมรับสิ่งที่สังคมวิจารณ์ ยืนยันปฏิบัติหน้าที่ตามกฎเกณฑ์”

พันตำรวจเอกนายแพทย์ปกรณ์ วะศินรัตน์ ผู้แทนสถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวว่า จากการผ่าพิสูจน์พบว่า ศพมีรูปร่างสันทัดไม่อ้วนไม่ผอม สาเหตุหลักๆ กระดูกซี่โครงหักทั้งสองข้างหลายซี่ รวมถึงกระดูกรามหน้าอก มีการช้ำของเยื่อหุ้มหัวใจ บริเวณขั้วหัวใจที่เชื่อมต่อกับเส้นเลือดแดงใหญ่ ทำให้มีเลือดออกปริมาณมาก ซึ่งพบได้บ่อยในอุบัติเหตุที่เกิดจากการลดความเร็วอย่างรวดเร็วและมีแรงเหวี่ยง และตรวจไม่พบการบาดเจ็บอื่นที่เป็นเหตุให้เสียชีวิตได้

พันตำรวจเอกนายแพทย์ปกรณ์ กล่าวว่า ตามทฤษฎีอนุมานจากลักษณะอาการบาดเจ็บที่พบรุนแรง การฉีกขาดของห้วใจ ผู้ประสบเหตุสามารถเสียชีวิตได้ทันที สูงถึง 80% แต่ไม่สามารถระบุช่วงเวลาหลังเกิดเหตุจะเสียชีวิตได้ภายในกี่นาที ส่วนอีก 20% ที่ไม่เสียชีวิต จะพบผู้บาดเจ็บมีอาการสาหัสมากไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้

นายธน วงศ์ธนากิจเจริญ ผู้แทนจากกรมทางหลวง กล่าวว่า ขณะนี้ได้ติดต่อกับลูกสาวผู้เสียชีวิต และกรมทางหลวง รับผิดชอบเป็นเจ้าภาพจัดงานศพผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ อธิบดีกรมทางหลวงได้สั่งตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และจะมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหามาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ทางให้รัดกุมมากขึ้น


https://youtu.be/wnRYmX6vB3k

คุณอาจสนใจ

Related News