อาชญากรรม

ยายสารภาพแล้ว ทารุณหลาน 6 ขวบดับ พ่อแม่ใจสลาย เพื่อนบ้านไม่กล้ายุ่ง มองเรื่องครอบครัว

โดย passamon_a

25 มิ.ย. 2565

4.3K views

ยายสารภาพแล้ว ใช้ไม้ตีพริก ทุบหัวหลาน 6 ขวบ และทำร้ายร่างกาย 3 ชั่วโมง ก่อนหลานสลบ เสียชีวิต อ้างดื้อขับถ่ายไม่เป็นที่ ขณะที่ตายืนยันไม่ได้ร่วมก่อเหตุ เป็นคนห้ามไม่ให้ตี แต่ยายไม่ฟัง


จากเหตุการณ์ที่ น้องกอหญ้า วัย 6 ขวบ นอนเสียชีวิตอยู่ที่นอน ตามตัวพบบาดแผล แผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ ขมับขวายุบ ขอบตาซ้ายเขียว ชายโครงซ้ายเขียวช้ำ หน้าท้องบวม อวัยวะเพศเขียวช้ำ นิ้วมือซ้ายบวมช้ำเลือดช้ำหนอง แขนซ้ายมีรอยคล้ายถูกของมีคม และตามร่างกายมีบาดแผลตกสะเก็ด โดยแพทย์ระบุเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-4 ชั่วโมง อีกทั้งผลชันสูตรเบื้องต้นยังสันนิษฐานว่า การเสียชีวิตอาจเกิดจากการทารุณกรรม เนื่องจากสมองได้รับการกระทบกระเทือน


โดยเมื่อวาน (24 มิ.ย.65) ตำรวจ สภ.สามโคก ได้เรียกสอบพยานแวดล้อมซึ่งเป็นผู้พักอาศัยในหอพักที่เกิดเหตุ ก่อนจะมีการเรียกตัว นางละออ ญาณสวรรค์ อายุ 47 ปี นายไพบูลย์ ญาณสวรรค์ อายุ 48 ปี ยายและตาของน้องกอหญ้า มาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยเฉพาะตัวของนางละออ ที่ก่อนหน้านี้ได้เคยยอมรับว่าที่ผ่านมาเคยตีน้องจริง แต่ไม่ถึงขั้นได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้


ทางตำรวจจึงได้เค้นสอบปากคำหนักตลอดทั้งคืน จนกระทั่งช่วงสายวานนี้ นางละออ ยอมสารภาพว่า ทำร้ายน้องกอหญ้าจริง ซึ่งการทำร้ายมีทั้งใช้มือตี และบางครั้งมีอุปกรณ์อะไรอยู่ใกล้มือก็จะหยิบมาตีด้วย จนน้องได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ได้พาไปหาหมอ จนน้องเสียชีวิตในเวลาต่อมา


ซึ่งหลังจากนางละออสารภาพ ตำรวจก็ได้เข้าไปเก็บหลักฐานไม้ตีพริก (สากกระเบือ) ที่ใช้ทำร้ายน้องกอหญ้า ส่งไปตรวจสอบลายนิ้วมือ ก่อนที่พนักงานสอบสวนจะไปขออนุมัติหมายศาลจังหวัดปทุมธานี ออกหมายจับในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย


เมื่อวานนี้ระหว่างตำรวจสอบปากคำยาย ก็มีคุณพ่อของน้องกอหญ้า เดินทางมาจากจังหวัดภูเก็ต มารอสอบถามแม่ยาย ว่าทำร้ายน้องกอหญ้าทำไม  


โดยคุณพ่อ เปิดเผยว่า เสียใจมากที่ลูกสาวถูกยายแท้ ๆ ทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิต ที่ผ่านมาตนเองไม่ได้มีโอกาสดูแลลูกเพราะถูกคุมขังในเรือนจำ ซึ่งขณะนั้นน้องอยู่ในความดูแลของมูลนิธิตะวันฉายจังหวัดภูเก็ต อุปการะเลี้ยงดูเรียนหนังสือ หลังจากตนเองพ้นโทษออกมาจึงติดต่อมูลนิธิ จึงทราบว่าลูกถูกย้ายมาอยู่ในการอุปการะของมูลนิธิหนึ่งในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งคนที่ไปรับเป็นอดีตภรรยาแม่ของน้องกอหญ้า และนางละออ (ยาย)


โดยขณะทำเรื่องก็ได้ติดต่อไปที่แม่ของตนเอง ที่เป็นย่าของน้องกอหญ้า ให้รับรองว่าจะเลี้ยงดูลูกเป็นอย่างดี ทำให้แม่ตนเองเชื่อใจ จนมาทราบข่าวว่าลูกถูกทำร้ายจนเสียชีวิต


"อยากถามว่าทำไมต้องทำร้ายน้องกอหญ้าขนาดนี้ หากรับน้องกอหญ้าเลี้ยงดูไม่ดีจะรับไปทำไม ส่วนตัวเชื่อว่ายายของน้องกอหญ้า น่าจะมีเรื่องผลประโยชน์ค่าเลี้ยงดู ซึ่งพบว่ามีการโทรศัพท์ไปขอเงินจากญาติ ๆ ทุกครั้ง โดยจะอ้างชื่อน้องกอหญ้าว่าเจ็บป่วยก็จะได้เงินจากญาติโอนมาให้" จึงเชื่อว่ายายน่าจะเลี้ยงน้องกอหญ้าไว้เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งตนจะดำเนินคดีกับอดีตแม่ยายให้ถึงที่สุด


ทางด้าน แม่ของน้องกอหญ้า มาที่ สภ.สามโคก เพื่อพบตำรวจ แม่น้องกอหญ้า บอกทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้เธอยังไม่พร้อมจะคุยกับแม่ตัวเอง หรือ ยายของน้องกอหญ้า เพราะยังทำใจไม่ได้ ถ้าเกิดแม่เธอเป็นคนทำลูกสาวจริง ๆ อยากถามเหตุผลที่ทำลูก แต่ก็ยังไม่อยากเจอหน้า อีกคนหนึ่งก็แม่ อีกคนก็ลูก ซึ่งลูกตายก็ไปแล้ว แต่แม่ยังอยู่


แม่น้องกอหญ้า บอกว่า ที่ผ่านมา จะโทรหาลูกอยู่เรื่อย ๆ แต่บางครั้งยายจะบอกว่าลูกหลับบ้าง หรือออกไปเล่นบ้าง ยายก็บอกว่า น้องกอหญ้ามีดื้อซน ตามประสาเด็ก ซึ่งลูกเองก็ไม่เคยบอกว่าโดนยายตี  จึงไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งรู้ว่าลูกตาย


ทางด้านคุณยาย ผู้ก่อเหตุ หลังจากยอมรับสารภาพ ตำรวจก็สอบปากคำกว่า 6 ชั่วโมง จากนั้นตำรวจก็นำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดปทุมธานี โดยระหว่างตำรวจควบคุมตัวมาขึ้นรถไปฝากขัง คุณยายสวมหมวกปิดคลุมใบหน้า ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามคุณยาย เกิดอะไรขึ้นทำไมต้องตีหลานจนเสียชีวิต แต่คุณยายไม่ตอบ และรีบเดินขึ้นรถไปทันที


พันตำรวจเอกประภาส มั่งคั่ง รองผู้บังการตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี รักษาการผู้การผู้กับการ สภ.สามโคก เปิดเผยว่า คุณยายให้การรับสารภาพว่า ตีหลานจริง หลังจากเค้นสอบปากคำ


โดยคุณยายให้การว่า รับตัวหลานมาจากมูลนิธิได้เพียง 3 เดือน ในแต่ละวันยายไม่ได้ออกไปทำงาน ก็จะอยู่ในห้องกับน้องกอหญ้าตลอดเวลา และอ้างว่าน้องกอหญ้าดื้อ ไม่เชื่อฟัง และมีพฤติกรรมขับถ่าย ปัสสาวะอุจจาระไม่เป็นที่ จึงต้องตีสั่งสอน โดยใช้มือบ้าง และอุปกรณ์ที่หยิบจับได้ใกล้มือ ทั้งไม้ตีพริก มีด คว้าอะไรได้ก็ตี


วันเกิดเหตุ คุณยายบอกว่า เริ่มตีน้องกอหญ้า ตั้งแต่เวลาประมาณ 6 โมงเย็น ใช้ไม้ตีพริกตีไปที่ขมับอย่างรุนแรง จากนั้นน้องกอหญ้าร้องไห้ ยายก็ตีอีก หากเงียบก็ไม่ตี พอร้องก็จะตี เริ่มลงมือตั้งแต่ 6 โมงเย็น จนถึง 2 ทุ่ม จนหลานเริ่มมีอาการอ่อนเพลีย และบอกว่าหิวน้ำ ยายก็เอาน้ำให้กินและแน่นิ่งไป ส่วนบาดแผลที่อวัยวะเพศ ต้องรอผลชันสูตรจากแพทย์


ส่วนคุณตา สามีใหม่ของยาย พบว่า ขณะเกิดเหตุไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์เพราะไปทำงาน แต่เห็นตอนที่ยายตีหลาน แล้วออกไปทำงาน ส่วนเหตุผลที่ยายโกหกครั้งแรกว่าไม่ได้ทำหลาน เพราะกลัวความผิด แต่ตำรวจมีหลักฐานพยานเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ และการสอบปากคำ ตำรวจแยกสอบปากคำ ระหว่างตาและยาย


คุณตายอมรับก่อน ว่าเห็นยายตีหลานจริง ประกอบกับพยานเพื่อนข้างห้องที่เห็นเหตุการณ์ เห็นยายตีหลานก่อนจะปิดห้องไป ยายจึงยอมรับสารภาพ


เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่นถึงแก่ความตาย และคุมตัวไปยื่นฝากขังที่ศาลจังปทุมธานี โดยคุณยายปฏิเสธที่จะทำแผนประกอบคำรับสารภาพ


พันตำรวจเอกประภาส บอกว่า เหตุการณ์นี้เป็นความรุนแรงในครอบครัว ที่มาลงกับเด็ก ในช่วงสอบปากคำ ยายมีอาการเครียดจัด และร้องไห้ บอกว่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น


ทีมข่าวลงพื้นที่ห้องเช่าที่เกิดเหตุ พบคุณตากำลังกลับมาที่ห้อง คุณตา บอกว่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตนเองยอมรับว่าเห็นตอนยายตี และบอกว่าพอแล้ว อย่าตีหลาน แต่ยายก็ไม่ฟัง จากนี้ก็จะอยู่ห้องเดิม ทำงาน และก็จะไปเยี่ยมยาย "ซึ่งจริง ๆ ยายแกก็รักหลาน ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ขอยืนยันว่า ตัวเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการทำร้ายน้องกอหญ้า"


ขณะที่เพื่อนบ้าน ต่างเศร้าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ เพื่อนบ้านได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ ขณะที่เด็กถูกทำร้าย และยังเคยมีเขียนจดหมายไปขอความช่วยเหลือ แต่ไม่มีใครกล้ายุ่ง เพราะมองว่าเป็นเรื่องครอบครัว กรณีนี้ตำรวจระบุว่า หากพบเห็นพฤติกรรมทำร้ายเด็ก ก็ให้แจ้งตำรวจ 191 ทันที ตำรวจจะเข้าไปดูแล เพื่อป้องกันยับยั้งไม่ให้ก่อเหตุรุนแรง โดยผู้แจ้งไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นการไปยุ่งเรื่องในครอบครัว แต่ให้มองว่าเป็นการช่วยเหลือ


สำหรับชีวิตของน้องกอหญ้า เด็กหญิงวัย 6 ขวบ ต้องบอกว่าชีวิตน่าสงสาร ตั้งแต่เกิดมา พ่อแม่ก็แยกทางกัน พ่อเป็นคนเลี้ยงดู ก็มีประวัติว่าช่วงที่พ่อดูแลนั่น เคยทำร้ายร่างกายน้อง จนมีพลเมืองดีแจ้งมูลนิธิปวีณา เพื่อเด็กและสตรี เข้าไปตรวจสอบ และประสานมูลนิธิตะวันฉายให้รับน้องกอหญ้าไปดูแล จนกระทั่งเมื่อสามเดือนที่ผ่านมา แม่ของเด็กและยายผู้ก่อเหตุ ไปรับน้องกอหญ้าจากมูลนิธิไปเลี้ยงเอง และก็ก่อเหตุทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต


ซึ่งพฤติกรรมของยาย จะทุบตีน้องกอหญ้าเรื่อย ๆ ตั้งแต่รับมาเลี้ยงดู หากทำอะไรให้ยายไม่พอใจ หรือไม่เชื่อฟัง ก็จะโดนทุบหลัง ตีตามร่างกาย โดยใช้มือตีและอุปกรณ์ มีดกรีดที่แขน ขา จับหัวโขกกับกำแพง เตะ กระทืบ และบางครั้งก็ให้ลูกสาวของยายวัย 10 ขวบ เป็นคนตี ส่วนสภาพผมที่ถูกตัดกร่อนผมนั้น ยายเป็นคนทำ ไม่ใช่ตัดเพื่อทำแผลที่ศีรษะ แต่เป็นการกร่อนผมเพื่อลงโทษ พฤติกรรมนี้คุณยายทำกับหลานมาตลอดระยะเวลา 3 เดือน


สำหรับศพของน้องกอหญ้า วันที่ 25 มิ.ย.65 พ่อของน้องกอหญ้าจะทำพิธีฌาปนกิจศพ และจะเดินทางกลับจังหวัดภูเก็ตทันที


https://youtu.be/lJ0KSU61588

คุณอาจสนใจ