อาชญากรรม

"อิคคิว" เดินหน้า ร้อง ปทส. เอาผิด วัดครูบาไก่ บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนกว่า 70-100 ไร่

โดย kanyapak_w

25 ม.ค. 2566

214 views

จากกรณี นางสาววาสนา หรือ อิคคิว อายุ 33 ปี พร้อม นางสาวคมคาย หรือบุ๋ม อายุ 43 อดีตโยมอุปัฏฐาก พระสุวิทย์ ชินวโร หรือ ครูบาไก่ ประธานที่พักสงฆ์วัดป่าแห่งหนึ่งใน จังหวัดขอนแก่น เดินทางพร้อมเอกสารภาพถ่ายวัดป่าแห่งหนึ่ง ที่พบว่าการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน



โดยนางสาวคมคาย หรือบุ๋ม ระบุว่า ในวันนี้ตนเองเดินทางมาพร้อมเอกสารภาพถ่าย และหลักฐานที่สามารถยืนยันได้ว่าพื้นที่วัดดังกล่าว มีการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวน กว่า 70-100 ไร่ โดยขอให้ทางตำรวจ ตรวจสอบว่าเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนจริงหรือไม่



ส่วนที่ตนเองออกมาเดินหน้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับตัวนายสุวิทย์ ไม่ใช่มาจากปัญหาส่วนตัวแต่มาจากการที่นายสุวิทย์ กระทำความผิดแต่ยังคงดื้อไม่ยอมรับผิดกับสิ่งที่ตนเองได้ทำไป และยังมีการมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ตนเองทั้งทางที่พวกตนเองเป็นผู้เสียหาย จึงจำเป็นต้องเดินหน้าร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อเอาผิด ยืนยันว่าจะดำเนินการให้ถึงที่สุด



ขณะที่ในเรื่องของหมายเรียกให้รับทราบข้อกล่าวหาที่ทางตำรวจ สภ. มัญจาคีรี ออกมาให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนว่าได้มีการออกหมายเรียกให้พวกตนไปรับทราบข้อหาหมิ่นพระพุทธศาสนาในวันที่ 27 มกราคม ยืนยันว่าพวกตนยังไม่มีใครได้รับหมายเรียกดังกล่าว จึงอยากขอให้ทางตำรวจปฎิบัติหน้าที่ด้วยความตรงไปตรงมา เพราะเรื่องหมายดังกล่าวพวกตนก็มารู้จากการที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวไม่ได้เห็นตัวเอกสารตามที่มีการกล่าวอ้างถึง



ส่วนเรื่องการหมิ่นพระพุทธศาสนายืนยันว่าพวกตนไม่ได้หมิ่นตามการกล่าวหา แต่พวกตนต้องการปกป้องพระพุทธศาสนาเมื่อพบว่ามีใครที่ทำผิดหลักคำสอนก็ต้องออกมาเดินหน้าแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้เอาผิดกับคนดังกล่าว อีกทั้งตนเองก็ ถือว่าเป็นผู้เสียหายที่มีการทำบุญไปเป็นหลัก 1,000,000 บาท



ขณะที่ พลตำรวจตรี วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบุว่า แล้ววันนี้จะรับเอกสารหลักฐานรวมถึงจะทำการสอบปากคำผู้ที่มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อนำคำให้การและเอกสารหลักฐานไปประกอบกับหลักฐานที่ทางตำรวจมีการรวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นสามารถเปิดเผยให้กับสื่อมวลชนได้ทราบเพียงเล็กน้อยว่าพบว่าในพื้นที่ดังกล่าว ตัววัดตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนจริงรวมถึงยังพบว่าในพื้นที่ใกล้เคียงกับจุดที่วัดตั้งอยู่มีการออกโฉนดอยู่จำนวนสองแปลง ประมาณกว่า31 ไร่ ซึ่งในส่วนของโฉนดทั้งสองแปลงนี้จะให้ทางกองกำกับการ 3 กองบังคับการปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ กก.3 บก.ปทส. ที่จะดำเนินการรับเรื่องคำร้องทุกข์ในครั้งนี้ไปตรวจสอบพร้อมกันด้วย



ส่วนในพื้นที่ของวัดจะมีการตรวจสอบว่าได้มีการยื่นขออนุญาตตั้งวัดในพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ เนื่องจากมติคณะ ครม. เมื่อปี 2563 มีการเปิดช่องให้หน่วยงานราชการหรือวัดหรือสำนักสงฆ์สามารถขออนุญาตจัดตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนได้สูงสุดไม่เกิน 15 ไร่ ในระยะเวลาตั้งแต่ 5-30 ปี แต่จะต้องมีการขออนุญาตขึ้นทะเบียนกับทาง สำนักพุทธศาสนา และมีการส่งเรื่องมาที่กรมป่าไม้ก่อนช่วงปลายปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นการสิ้นสุดการขออนุญาต โดยทางตำรวจจะทำการตรวจสอบเอกสารดังกล่าวหากพบว่ามีการขออนุญาตและอยู่ในขั้นตอนระหว่างการดำเนินการก็จะถือว่าไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับการบุกรุกป่าสงวน แต่หากพื้นที่ดังกล่าวไม่เคยมีการขออนุญาตการจัดตั้งวัดในพื้นที่ป่าสงวนก็จะถือว่ามีความผิด




โดยอัตราโทษอยู่ที่หากบุกรุกไม่เกิน 25 ไร่ มีอัตราโทษจำคุก 6เดือน -5 ปี ปรับ 5พัน - 5 หมื่น แต่หาก เกิน 25 ไร่ จำคุก 2 ปี -15 ปี ปรับ 2 หมื่น - 1.5 แสน โดยในวันนี้ยังได้ประสานให้ชุดเฉพาะกิจพยัคฆ์ไพร กรมป่าไม้มาดำเนินการรับเอกสารดังกล่าวเพื่อเตรียมนำไปตรวจสอบในพื้นที่อีกครั้ง




คุณอาจสนใจ

Related News