อาชญากรรม

แฟนสาวมือยิงบนโรงพัก เปิดใจ ยันไม่รู้มาก่อนว่าจะมีการก่อเหตุ ยัน 9 ล้านเป็นตัวเลขที่ตั้งไว้เพื่อให้เจรจา

โดย kanyapak_w

18 ธ.ค. 2565

3K views

จากกรณีที่นายพีรสิน หรือพี อายุ 27 ปี ก่อเหตุยิง นายคมสัน อายุ 33 ปี เสียชีวิตบน สน.หลักสอง และ นายอนุสรณ์ อายุ 33 ปี ทนายความได้รับบาดเจ็บ เมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม ผ่านมา ขณะที่พนักงานสอบสวน มีการนัดหมาย คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาเจรจา กรณีที่ก่อนหน้านี้ นายคมสัน ก่อเหตุทำร้ายร่างกายนายพีรสิน จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่มีปากเสียงกันบนถนนเพชรเกษมใกล้เคียงปากซอยเพชรเกษม 92/2 เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา



ในวันนี้ ทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ นางสาวแอน(นามสมมติ) แฟนสาวของนายพีรสิน ผู้ก่อเหตุในครั้งนี้ โดยนางสาวแอน ระบุว่า สาเหตุที่นายพีก่อเหตุในครั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่ามาจากความเครียดสะสมเนื่องจากอาการบาดเจ็บบริเวณใบหน้าที่ดวงตาจมูกและฟัน โดยเฉพาะส่วนของดวงตาที่ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก ที่แพทย์มีการระบุชัดเจนว่าถูกลักษณะของแข็ง หรือสนับมือกระทบทำให้ดวงตาได้รับบาดเจ็บ เพราะหากใช้เพียงมือเปล่าจะไม่ได้รับบัตรเจ็บหนักถึงขั้นนี้



ซึ่งตลอดสองเดือนที่ผ่านมาต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่องเพราะแพทย์แจ้งว่า จอประสาทตาได้รับบาดเจ็บฉีกขาดทำให้ต้องมีการยิงเลเซอร์เพื่อประสานแต่ก็ไม่สามารถกลับเป็นเหมือนเดิมได้ และแพทย์ยังแจ้งอีกว่าต้องรักษาตาไปตลอดเพราะตาเป็นอวัยวะที่จะเสื่อมถอยไปตามอายุและการใช้งานซึ่งส่วนตัวแฟนหนุ่มประกอบอาชีพขับรถส่งของ ทำให้ต้องใช้ดวงตาค่อนข้างหนัก และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไม่สามารถขับรถไปส่งของได้ ตนเองต้องทำหน้าที่ส่งของแทน ซึ่งหลังการรักษามาก็ยังมีปัญหาในการมองกลางคืนจะเห็นเป็นลักษณะฝ้าสีขาวขึ้นหรือเห็นเป็นลักษณะใยแมงมุมสีขาวอยู่ภายในภาพที่มองเห็นเพราะมาจากการบาดเจ็บที่จอประสาทตา



ประกอบกับตำรวจไม่ได้มีการตั้งข้อหากับเพื่อนของนายคมสัน ที่ร่วมก่อเหตุทำร้ายร่างกายแต่มีการดำเนินคดีเพียงตัวนายคมสันเท่านั้น ทำให้ทางตนเองต้องมีการแต่งตั้งทนายเพื่อมา ทำคดีนี้เพราะรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และในวันเจรจาทางคู่กรณีก็มีท่าทีไม่ยอมรับผิด กับสิ่งที่ทำลงไป




ส่วนประเด็นเรื่องของที่สั่งตนเองตั้งค่าเสียหายไว้ที่ 9 ล้านบาท เป็นจำนวนที่มาจากการพิจารณาร่วมกับทางทนายความเพราะต้องใช้ในการรักษาดวงตาของแฟนหนุ่มไปตลอดชีวิตแต่ทางทนายได้ แนะนำว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงตัวเลขที่ตั้งไว้ให้ทางคู่กรณีเจรจาต่อรอง แต่เมื่อมีการเจรจาคู่กรณีกลับไม่มีการต่อรองและมีท่าทีเหมือนจะไม่ยอมชดใช้ เพราะไม่มีการพูดต่อรองใดๆ จึงคาดว่าทั้งหมดนี้อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ในวันดังกล่าว แฟนหนุ่มตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงซึ่งส่วนตัวไม่ได้เห็นด้วยและมีการทะเลาะปากเสียงกันหลังเกิดเหตุทำให้ตนเองถูกไล่ลงจากรถและแยกกับแฟนหนุ่มก่อนที่จะได้รับการติดต่อจากพ่อของแฟนให้กลับไปที่บ้านแล้วตำรวจก็มาจับกุมตัวดังกล่าว



ส่วนเรื่องของอาวุธปืนเท่าที่ตนเองทราบ เป็นปืนของนายพี ที่มีทะเบียนถูกต้อง แต่ในเรื่องของรายละเอียดคงต้องรอให้ทางตำรวจตรวจสอบอีกครั้ง ส่วนวันที่เดินทางไปเจรจาไกล่เกลี่ย ตนเองยืนยันว่าไม่รู้มาก่อนว่าแฟนหนุ่มจะไปก่อเหตุแบบนี้และไม่รู้ว่ามีการนำอาวุธปืนติดตัวไปด้วย รวมถึงประเด็นที่ทางฝั่งคู่กรณีมีการพูดว่าเห็นว่าตนเองใส่ที่อุดหูมีลักษณะคล้ายกับรู้มาก่อนว่านายพีจะก่อเหตุตนเองยืนยันว่า ในวันดังกล่าวไม่ได้มีการใส่ที่อุดหูแต่อย่างใดและไม่รู้ว่าแฟนจะไปก่อเหตุดังกล่าวขึ้นเพราะถ้าหากรู้ตนเองคงไม่ยินยอม



ตนเองอยากฝากถึงคู่กรณีว่า ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะตนเองก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้เพราะ การทำแบบนี้เป็นการสูญเสียทั้งสองฝ่าย ไม่มีใครได้ประโยชน์ ซึ่งทางฝั่งตนเองได้ช่วยเหลือค่าปรงศพกับทางคู่กรณีไปแล้วบางส่วนรวมถึงค่ารักษาพยาบาลของทนายความคู่กรณีที่ขนาดนี้ยังอยู่ในโรงพยาบาลก็ได้มีการติดต่อไปพูดคุยกับทางภรรยาของทางทนายความเป็นที่เรียบร้อยโดยแสดงเจตนาในการดูแลค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลทั้งหมด

คุณอาจสนใจ

Related News